การคว่ำบาตรของสหรัฐต่อรัสเซีย หลังปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน ผลักให้โลกเผชิญอันตรายทางเศรษฐกิจ อย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน ผลจากการเลือกกลยุทธ์ถล่มนิวเคลียร์เศรษฐกิจใส่รัสเซียหวังทำลายให้อ่อนแอย่อยยับ และหมดทางสู้รบในทุกสนาม ผลกลับตรงกันข้าม รัสเซียกลับผงาดด้วยเงินรูเบิลที่แข็งแกร่งทีสุดในโลกตามคำยืนยันของไอเอ็มเอฟ รวมทั้งรัสเซียมีแต้มต่อเพราะเป็นเจ้าของทรัพยากรสำคัญที่โลกต้องการ ทั้งน้ำมัน ก๊าซ อาหารฯ นอกจากนี้ชัยชนะทางทหารในสมรภูมิยูเครนพิสูจน์ความแข็งแกร่งทางทหารและเฉียบคมในยุทธการศึกของรัสเซียเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาโลกแม้จะโหมโฆษณารัสเซียเสียหายพ่ายแพ้แค่ไหนก็ปกปิดความจริงไม่ได้ว่า ทั้งยูเครนและผู้สนับสนุนกำลังถอยร่นไม่เป็นขบวน
ล่าสุดสหรัฐได้เรียกประชุมกลุ่มนาโต้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ถอยร่นสุดคาด ทั้งทางทหารและเศรษฐกิจ กำหนดในปลายเดือนนี้ ด้านผู้นำอังกฤษเดินหน้าอย่างเอาการเอางาน เข้าพบเซเลนสกี้เป็นครั้งที่สอง หลัง ๓ ผู้นำยุโรป ฝรั่งเศส-เยอรมนีและอิตาลีไปเยือนเคียฟ ซึ่งสื่อตะวันตกโหมกระพือว่าแกนนำยุโรปจะช่วยยูเครนสารพัด แต่แวดวงข่าวสารนอกกระแสสังเกตุว่ามาขอช่วยให้เปิดท่อก๊าซ แก้ไขปัญหาถูกรัสเซียตัดก๊าซหรือไม่? เพราะไม่มีการระบุจำนวนเงินและอาวุธที่จะให้ตลอดจนวันที่จะส่งแต่อย่างใดเป็นเพียงลมปากและภาพสวยหรูสนับสนุนให้สู้รบกับรัสเซียต่อไป
วันที่ ๑๗ มิ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความเคลื่อนไหวการประชุมนาโต้ที่กำลังจะมาถึงอย่างคึกคัก ทางฝั่งตะวันตกยืนยันครบว่าจะเข้าร่วม ด้านเอเชียได้รับเชิญในฐานะประเทศนอกนาโต้ เพราะภูมิประเทศไม่ได้อยู่ในย่านแอตแลนติก แต่ถูกดึงเข้ามีส่วนร่วมด้วยเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐฯ รายชื่อที่ยืนยันแล้วได้แก่ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้
ผู้นำออสเตรเลียจะเข้าร่วมการประชุมนาโต้แน่นอน และกำลังพิจารณาการเยือนยูเครนว่าจะไปก่อนหรือหลังประชุม แต่ที่แน่ๆ รัสเซียประกาศขึ้นบัญชีชาวออสเตรเลียเพิ่มอีก ๑๒๑ คนแล้ว ห้ามเดินทางเข้ารัสเซียสาเหตุเป็นกลุ่มแนวคิดแพร่เกลียดกลัวรัสเซีย (Russophobic)อย่างโจ่งแจ้ง
เรื่องนี้สำนักข่าวเอบีซีนิวส์ ของออสเตรเลีย รายงาน อ้างถ้อยแถลงของนายแอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียคนใหม่ ระบุว่า จะเข้าร่วมการประชุมเนโตที่กรุงมาดริด สเปน ระหว่าง ๒๙-๓๐ มิ.ย.65 แม้ว่าออสเตรเลียเป็นประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกนาโต้รายใหญ่ ที่ให้การสนับสนุนยูเครนต่อต้านการปฏิบัติการทางทหารรัสเซีย ขณะเดียวกัน ออสเตรเลียอยู่ระหว่างพิจารณาการเยือนกรุงเคียฟ ตามคำเขิญของปธน.โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ซึ่งแนบท้ายมากับจดหมายแสดงความยินดีต่อการดำรงแหน่ง นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย
อีกด้านหนึ่งมีการยืนยันแล้วว่า นายคิชิดะฯจะเป็นผู้นำญี่ปุ่นคนแรกในการร่วมประชุมสุดยอดพันธมิตรนาโต้
ทางสำนักข่าวเจแปนทูเดย์รายงานว่า นายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ กล่าวเมื่อวันพุธที่ ๑๕ มิ.ยงที่ผ่านมาว่า เขาจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดขององค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือ นาโต้ ในเดือนนี้ ในฐานะผู้นำญี่ปุ่นคนแรกที่เข้าร่วมกลุ่มของพันธมิตรชาติตะวันตกด้านความมั่นคง
ในงานแถลงข่าว คิชิดะยังกล่าวอีกว่าเขาจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอด ๓ วันของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมทั้งเจ็ด หรือที่รู่จักในนาม จี-๗ ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๒๖ มิ.ย.นี้ที่ ชลอสเอลมาว (Schloss Elmau) ประเทศเยอรมนี ก่อนการประชุม นาโต้ ในกรุงมาดริด เมืองหลวงของสเปน
การประชุมสุดยอดจะจัดขึ้นในขณะที่ประเทศสมาชิกยังคงเผชิญกับความท้าทายอันเนื่องมาจากสงครามรัสเซียกับยูเครนที่สหรัฐและนาโต้หนุนหลัง
ในระหว่างการประชุมสุดยอดนาโต้ ๒ วันซึ่งเริ่มในวันที่ ๒๙ มิ.ย.ที่จะถึงนี้ผู้นำต่างๆ จะต้องสนับสนุนแนวคิดเชิงกลยุทธ์ใหม่ที่กำหนดความท้าทายด้านความปลอดภัยที่พันธมิตรต้องเผชิญ ซึ่งรวมถึงการต่อต้านการขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็วของจีน และความพยายามในการทำให้กฎระเบียบระหว่างประเทศเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่สหรัฐไม่วางกำหนดกฎเกณฑ์ไว้
ท่ามกลางสงครามที่ดำเนินอยู่ในยูเครน ญี่ปุ่นเลือกข้าง ประสานเข้ากับสมาชิกกลุ่มประเทศจี-๗ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี รวมทั้งสหภาพยุโรป ในการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียเพื่อบีบบังคับให้รัสเซียยอมจำนนต่อความต้องการของวอชิงตัน
แผนการเข้าร่วมการประชุมของคิชิดะในการประชุมสุดยอดนี้ เกิดขึ้นช่วงการรณรงค์อย่างเป็นทางการในญี่ปุ่นสำหรับการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ ๑๐ ก.ค. ๒๕๖๕ นี้
การประชุมครั้งสำคัญของนาโต้ และบริกซ์ส่งสัญญาณบอกถึง การให้ความสำคัญของมหาอำนาจเก่าอย่างสหรัฐและพันธมิตรตะวันตก กับผู้ท้าทายอย่างจีนและพันธมิตรตะวันออก ว่าเน้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจหรือคว่ำกระดานเศรษฐกิจเพื่อเริ่มต้นใหม่ เน้นสงครามหรือสันติภาพ จับตาผลการประชุมและการเคลื่อนไหวหลังจากนั้นว่าจะออกมาเช่นไร?
อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์โลก มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น และมีความเสี่ยงมากที่จะยกระดับกลายเป็นศึกใหญ่ทางทหารระหว่างรัสเซีย กับ สหรัฐ-ตะวันตกในสมรภูมิยุโรป และจีน กับ สหรัฐและพันธมิตร ในเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งถือเป็น 2 คู่ขัดแย้งหลักที่ถ้าหากยังไม่ประนีประนอมกัน ก็ย่อมฉุดลากให้เศรษฐกิจโลกจมดิ่งเมื่อต้นทุนพลังงานทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นไปอีก ผลักดันเงินเฟ้อระเบิดทั่วโลก รุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง!!