แม่เชลยศึกร้องขอรัสเซีย อย่าส่งตัวลูกกลับยูเครน จะถูกประหาร ขณะทหารรับจ้าง ก็วอนปูติน อย่าแลกตัวประกัน
จากกรณีที่ผู้บัญชาการความมั่นคงสูงสุดยูเครน เปิดเผยว่า พบวทหารแนวหน้าหนีทัพและยอมจำนนจำนวนมากหลายพันคนจนหมดสต็อค กระทรวงกลาโหมยูเครนจึงประกาศระดมเกณฑ์ทหารเพิ่มอีกเป็นชายที่เกิดในปี 1962 – 2004 ใครฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 10 ปี
ที่ผ่านมาทหารเกณฑ์ยูเครน แทบไม่มีใครพบเขากลับมาอีกเลย โดยเฉลี่ยเป็นปุ๋ยราว 20,000 ราย/เดือน บาดเจ็บราว 30,000 ราย/เดือน (แต่หน่วยข่าวกรองสหรัฐ รายงานว่า 3.5 เดือน พวก Azov และทหารยูเครนเป็นปุ๋ยไปแล้วรวม 200,000 ราย) จึงเป็นกลยุทธ์การลดประชากรชาวยูเครนท้องถิ่นโดยผู้นำชาวยิวนั่นเอง
ต่อมา รัฐบาลยูเครน ออกประกาศเกณฑ์ทหารผู้หญิง อายุ 18 – 60 ปี เข้ากองทัพยูเครน อ้างว่าเพื่อ “การเติมเต็มอย่างต่อเนื่องของการสูญเสียบุคลากร” เมื่อผู้ชายหมดสต็อค ประธานาธิบดีชาวยิว ก็ต้องเกณฑ์ผู้หญิงยูเครน วัยเจริญพันธุ์ส่งออกไปทำปุ๋ย และต้องประกาศเกณฑ์เพิ่มอีกหลายรอบ จนกว่าผู้หญิงจะหมดสต็อคทั้งพิการ สภาพจิตไม่ปกติ และเด็กหญิง
ล่าสุดทางเพจ World Update ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่รัฐบาลยูเครน สั่งประหารชีวิตทหารที่ยอมจำนนกว่าร 20,000 ราย โดยบอกว่า
ที่ผ่านมา รัฐบาลยูเครน เกณฑ์ทหารชาย 5 รอบ พอปุ๋ยใกล้หมดสต็อค ก็เพิ่งออกประกาศเกณฑ์ทหารหญิงให้ไปรายงานตัว ทหารแนวหน้าหน่วยไหนยอมแพ้ สั่งประหารชีวิตหมู่ทั้งหมด เช่น ที่เมือง Novomikhailovka เขตยึดครองรุกคืบกองทัพสาธารณรัฐโดเนตสค์ มีทหารกองหนุนยูเครน ของกองพันที่ 25 กองพลยานยนต์ที่ 54 ที่สู้ไม่ไหว มากกว่า 32 นาย ตัดสินใจวางอาวุธยอมจํานน โดยวิทยุไปแจ้งยังหน่วยทหารฝ่ายพันธมิตรรัสเซีย ขอให้หยุดยิงปืนใหญ่และจรวดเทอร์โบบาริกหลายลำกล้อง จากนั้นเวลา 22.00 น.ยกธงขาวเดินชูมือ ขณะนั้นทหารรับจ้างต่างชาติ Azov ของ NATO มาถึงฐานพอดี รับคำสั่งรัฐบาลยูเครน “ประหารชีวิตหมู่ด้วยการยิงทิ้ง” เปิดฉากระดมยิงจากด้านหลังพวกเดียวกันเองขณะทหารยูเครนกำลังเดิน
ส่งผลให้ทหารยูเครน 32 นายได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต ได้เกิดเหตุประหารชีวิตหมู่กันเองทุกพื้นที่สู้รบ แทบทุกวัน เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดูไม่กล้าล่าถอยหรือยอมจำนน เพราะชีวิตพวกเขาเป็นชาวยูเครน ที่ไร้ประโยชน์แล้วต่อผู้นํายูเครนที่เป็นชาวยิว รับงานมาไล่ที่ชาวยูคท้องถิ่นเท่านั้น ขณะนี้มีฝ่ายยูเครน ที่หนีตายจากฝ่ายเดียวกัน ยอมเป็นเชลยให้ฝ่ายรัสเซีย อารักขาคุ้มครองแล้วกว่า 17,000 คน โดยในจำนวนนี้ 6,500 คน เป็นพวก Azov ถูกส่งไปคุกในเขตรัสเซีย อีก 10,500 คน เป็นชาวยูเครน อยู่คุกในสาธารณรัฐโดเนตสก์ และลูฮันสก์ และในเมืองมาริอูโปล , เคอร์ซอน ชุดนี้สามารถแลกตัวประกันได้กับทหารที่ประกาศแยกเอกราช เป็นเชลยราว 550 ราย แต่แทบไม่พบมีทหารรัสเซียจริงๆ เป็นเชลย มีแต่ทหารรับจ้างอเมริกัน ถูกทะยอยจับตัวได้ที่เขตเมืองคาร์คิพ
บรรดาแม่ของเชลยทหารยูเครน ร้องขอฝ่ายพันธมิตรรัสเซีย อย่าส่งตัวลูกชายของพวกเธอ กลับมาให้มาฝั่งยูเครน เพราะจะต้องถูกประหารชีวิต และจะถูกบังคับส่งกลับไปรบแนวหน้าใหม่ส่วนบรรดาเชลยทหารยูเครนเอง ก็ส่งคำขอแบบเดียวกันไปยังสำนักงานกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนเข่นกันว่าไม่ขอแลกตัวกลับไปยูเครนอีกแล้วเพราะตายแน่ ส่วนกรณีที่สื่อตะวันตกและสื่อไทยประโคมข่าวว่าฝ่ายรัสเซีย ระเบิดสะพานเชื่อมระหว่างเมืองซีวีโรโดเนตสก์ที่ฝ่ายรัสเซียยึดไปแล้ว กับเมืองลิซีชานสก์ คนละฝั่งแม่น้ำนั้น จากการตรวจสอบไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะสะพานจะช่วยให้ทหารฝ่ายพันธมิตรรัสเซีย เคลื่อนทัพ พร้อมยุทโธปกรณ์ ข้ามแม่น้ำไปยึดเมืองลิซีชานสก์ได้สะดวกและรุกคืบยึดเมืองต่อไปเร็วขึ้น
จึงทำให้ พลตรี Nikolyuk ผู้บัญชาการหน่วยทหารฝ่ายยูเครนพื้นที่สู้รบได้ออกคําสั่งให้ทหารยูเครนระเบิดสะพานซีเวอร์สกายโดเตสก์ เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารพันธมิตรรัสเซียข้ามแม่น้ำ และเพื่อลอยแพ บรรดาทหารรับจ้าง Azov ติดในวงล้อมเขตอุตสาหกรรมโรงงาน Azot ที่เป็นโรงงานเคมีผลิตวัสดุเคมีสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยมีพวกทหารรับจ้าง Azov ถูกล้อมราว 400 คนถูกฝ่ายรัสเซียถล่มอย่างหนัก พวกนี้จับชาวบ้านเป็นตัวประกันไว้ 500 คน พยายามวิทยุเจรจาต่อรองขอเปิดทางหนีกับฝ่ายกองทัพลูฮันสก์ ด้านทิศเหนือโรงงานทหารพันธมิตรรัสเซีย บุกไปช่วยตัวประกันออกมาได้แล้วจำนวนมาก
นายเดเมียน มากรู โฆษกของกองกำลังทหารต่างชาติ Azov NATO เขตเมืองซีวีโรโดเนตสก์ ระบุว่า สถานการณ์ในเมืองนี้ ฝ่ายตนเสี่ยงที่จะประสบชะตากรรมเดียวกับเมืองมาริอูโปล คือ ถูกตัดขาดจากกองกำลังหลัก โดยเข้าไปกบดานอยู่ในโรงงาน Azot ก่อนที่เมืองนี้จะถูกตีแตกและตกอยู่ในวงล้อมและยอมแพ้ที่สุด , ซึ่งล่าสุดใต้โรงงานเหล็กอาซอฟสตาล เมืองท่ามาริอูโปล พบร่างพวก Azov ประหารกันเองเป็นปุ๋ยรวมกว่า 300 รายแล้วโดยรวมเป็นจุดในรถห้องเย็นชำรุดที่วางระเบิดไว้ และเกลื่อนกระจายอยู่ในถุงซิพ
ล่าสุดหรัฐ หงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจ ที่อาวุธส่งไปให้ยูเครน ถูกกองทัพรัสเซีย ถล่มทำลายทิ้งเสียหายจำนวนมาก และยึดไปกว่า 90% หมดสิ้นวันต่อวัน ที่เหลือเกิดการทุจริตของรัฐบาลและทหารยูเครน เอาไปขายตลาดมืดอย่างโจ่งครึ่มถมไม่เต็ม เช่น ขีปนาวุธต้านรถถัง Javelin พิสัยยิง 2.5 กม. สหรัฐ มีสต็อคกลาโหม 15,000 ชุด ส่งไปให้ยูเครน กว่า 33% ราว 5,000 ชุด ราคาชุดละ 178,000 ดอลลาร์ , ลูกราคา 78,000 ดอลลาร์ แต่ซับซ้อนการใช้งานมากคู่มือ 258 หน้า ทหารยูเครน ต้องพิมพ์แปลกูเกิ้ลภาษา สุดท้ายใช้ไม่เป็นได้แค่หิ้วเท่ๆ แล้วทิ้งขว้างให้ฝ่ายรัสเซียยึดเอาไป
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ ประกาศว่า ยูเครน ไม่ต้องกลัว จะยืนเคียงข้างเสมอ พร้อมได้มอบเงินช่วยเหลือ (เงินกู้) ค่าอาวุธล็อตใหม่มูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์พร้อมวางบิลแล้ว , ด้านประธานาธิบดีเซเลนสกี้ แห่งยูเครน ปลื้มมากประกาศว่า “กองทัพของเราจะมีชัยชนะ จะยึดคืนเมืองมาริอูลโปล , เคอร์ซอน , เมลิโตปอล , แคว้นไครเมีย , ลูฮันสก์ และโดเนสต์ ยึดคืนทุกเมืองและหมู่บ้าน แต่ สนับสนุนให้ไต้หวันต่อสู้แยกเอกราชจากจีน”..ยูเครน อีกนิดก็ชนะแล้ว ทนกู้เงินซื้ออาวุธสหรัฐ อีกสักหน่อย สู้ต่อไป ชนะย่อยยับแน่นอน