อยู่บ้านเถอะ!! มือขวาหมอในนิวยอร์กโพสต์Covid19ใกล้ตัวกว่าที่คิด ซ้ำการตายอย่างโดดเดี่ยว

0

อยู่บ้านเถอะ!! มือขวาหมอในนิวยอร์กโพสต์Covid19ใกล้ตัวกว่าที่คิด ไม่มียาฆ่าไวรัส ไม่มียารักษา มองคนไข้นอนทุรนทุราย ซ้ำการตายอย่างโดดเดี่ยว

โลกออกนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความของผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งซึ่งทำหน้าที่เป็นPhysician Assistant (PA) หรือเป็นมือขวาของหมอในเมืองบร็องซ์ นครนิวยอร์ก ได้มาเรียกร้องให้ประชาชนหยุดอยู่บ้านเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสCovid 19 ระบุว่า

จริงๆแล้วไม่อยากเกาะกระแส Covid 19 แต่อยากให้ทุกคนได้เข้าใจว่าโรคนี้น่ากลัวและใกล้ตัวกว่าที่คิด เราทำงานที่โรงพยาบาล ตำแหน่งคือ Physician Assistant (PA) ตำแหน่งนี้ที่บ้านเรายังไม่มี งานก็คล้ายกับมือขวาของหมอ การเทรนนั้นเหมือนหมอทุกอย่างแต่ใช้เวลาเรียนน้อยกว่า คือจะสั่งยาได้สั่งแล็ป ใส่ท่อ ใส่สายต่างๆ ใส่เฝือก เย็บแผล ปั้มหัวใจจะเป็นตำแหน่งระหว่างหมอกับพยาบาล แต่เราจะเจอและใช้เวลากับคนไข้มากกว่าหมอเพราะหมอ 1 คน คุมคนไข้ 30 คน ก็จะมี PA 2 คน ช่วยหมอดูคนำไข้คนละ 15 คน

ทำงานอยู่ที่ Bronx, NY สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมามีแต่คนไข้ Covid 19

อยากให้ทุกคนที่บ่นว่าเบื่ออยู่บ้าน รัฐบาลเส็งเคร็ง เลิกบ่นเถอะ เพราะเบื่ออยู่บ้านนั้นก็ยังดีกว่าออกมาทำงานด้วยความกลัวกลัวตาย

ตอนนี้พวกพนักงานโรงพยาบาลอย่างพวกเราต้องสวดมนต์ขอให้พระคุ้มครอง มองหน้าพ่อ แม่, ลูกน้อยและสามีสั่งเสียกันว่าไปแล้วอาจจะติดเชื้ออาจจะไม่ได้กลับบ้านนะรักทุกคนนะกอดลากันแบบแนบแน่นเหมือนไม่รู้ว่าเราจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้อีกไหมไม่คิดเลยว่างานผู้ช่วยหมอต็อกต๋อยอย่างเรามันจะเสี่ยงขนาดนี้

อยากจะบอกว่า ตอนนี้คนไข้ล้นโรงพยาบาล PPE ไม่พอ อันนี้ทุกคนรู้ แต่ที่คุณๆไม่รู้คือ การตายด้วยโรคนี้ เป็นการตายที่โดดเดี่ยวและทรมาน คนไข้พอ admitted แล้ว ครอบครัว ลูก ผัว พ่อ แม่ พี่น้อง ห้ามเยี่ยมเด็ดขาด ตอนแรกอาการอาจจะไม่หนัก แต่พอมารวมแออัดกันกับคนไข้อื่นๆก็เกิดอาการ แบ่งเชื้อกันไปมา cross contaminated ที่ไม่หนักก็อาจจะเกิดเป็นอาการหนักขึ้น

พยาบาลนั้นน่าสงสารที่สุด หมอ กับ PA ก็จะวิ่งเข้าแล้วก็รีบวิ่งออกจากห้องคนไข้เพราะเราพยายามเซฟตัวเองให้สัมผัสกับเชื้อโรคให้น้อยที่สุด แต่พยาบาลต้องเข้าไปตรวจความดัน ให้ยา โดยมากคนไข้ไม่ได้เป็นแค่ Covid แต่มีโรคประจำตัวจิปาถะ ยาก็เยอะ พยาบาลก็ต้องเข้าๆออกๆ เข้าห้องโน้นออกห้องนี้ แต่คุณอย่าลืมว่าคนไข้ทุกคนติดเชื้อ ลองคิดดู 12 ชั่วโมงขลุกอยู่กับเชื้อ Corona แบบไม่ได้พักเพราะคนไข้หลายคนอาการหนัก พอ อ๊อกซิเจนตกก็ต้องรีบเข้าไปดู เพราะห่วงคนไข้เพราะเราเป็นมนุษย์เหมือนกัน

ที่จะบอกว่ากลัวก็เพราะว่า Covid 19 ไปทำลายเนื้อเยื่อปอดโดยตรง ถ้าโชคดีก็ไม่มีอาการ หรือมีบ้างเล็กน้อย แต่คนไข้ที่อาการเริ่มหนักขึ้นก็จะเริ่มหายใจไม่ออก ปอดเร่ิมชื้น มีน้ำท่วม ถ้าคิดไม่ออกก็ลองหลับตาแล้วคิดถึงภาพเรากำลังจมน้ำแล้วหายใจไม่ออก น้ำเต็มจมูกเต็มปาก หรือตอนไปทำฟันแล้วน้ำลายเต็มคอ กลืนไม่ได้ หายใจไม่ออก (จนหมอดูดน้ำออกจากปากเรา เราก็หายใจเฮือกใหญ่แบบรอดตายแล้วกู) มันทรมานขนาดไหน โรคนี้ก็เช่นกัน ทางช่วยอย่างเดียว คือ เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งตอนนี้เป็นของล้ำค่า  ตกหนักที่หมอต้องเลือกว่าใครจะมีค่าควรกับเครื่องนี้มากกว่ากัน ไม่มีหมอคนไหนอยากทำหน้าที่นี้หรอก

คืนก่อนมีคนไข้ หนัก สอง สามคน ทุกคนนอนทรมาน พยายามหายใจเข้าออก ทุรนทุรายเพราะปอดไม่ทำงาน พยาบาลโทรมาตาม เข้าไปดูอาการ ก็ต้องเรียก code team ซึ่งปกติจะเป็นทีมฮีโร่ ถ้าทีมนี้มาคนไข้เรารอดแน่ แต่ไม่ใช่กับ Covid19 สุดท้ายทีมก็ทำอะไรไม่ได้เพราะทางออกเดียวคือใส่ท่อช่วยหายใจถ้าคนไข้บอกไว้ก่อนแล้วว่าไม่ต้องการใส่ท่อหรือปั๊มหัวใจเราก็ได้แต่ให้ยามอร์ฟีนเพื่อให้คนไข้ไม่ทรมาน

Process of dying นี่แหละคือความน่ากลัว ไม่มียาฆ่าไวรัส ไม่มียารักษา รักษาตามอาการ ยาที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็เหมือนเสี่ยงดวง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดวง!!

คือทั้งทีมได้แต่ยืนมองคนไข้นอนทุรนทุรายกระเสือกกระสนต่อสู้เพื่อลมหายใจแต่ละเฮือกแต่ละเฮือกนั่นเป็นสิ่งที่แสนทารุณญาติพี่น้องลูกหลานผัวเมียก็ไม่ได้ล่ำลาเป็นการตายที่โดดเดี่ยวและทรมานบางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าคนไข้เหล่านี้จะกลัวและโดดเดี่ยวขนาดไหนในช่วงเวลาสุดท้ายและลมหายใจสุดท้ายของชีวิต

คนรักษาก็ได้แต่ยืนมองแล้วก็ได้แต่คิดว่วันนี้เราจะดวงดีเหมือนเมื่อวานไหม แล้วพรุ่งนี้ล่ะ

เรายืนมองคนไข้ที่รู้หละว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงเวลาที่เราจะออกกะคือ 12 ชั่วโมง แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากให้ยากดประสาทเพื่อคนไข้จะได้ทรมานน้อยลงและหวังว่าจะจากไปอย่างสงบ  เหมือนเราไร้ค่าและไม่มีประโยชน์อะไรเลย ที่ร่ำเรียน ฝึกฝนมาไม่ได้ช่วยใครได้เลย

คุณลองคิดดูว่าถ้าพ่อ แม่ พี่น้องหรือคนที่คุณรัก ต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับคนไข้ของเราล่ะ ไปส่งกันที่โรงพยาบาล ลูบหน้าลูบหลังลากัน แล้วนั่นคือสัมผัสสุดท้าย กอดสุดท้าย การลาครั้งสุดท้าย คุณยังไม่ได้สั่งเสีย ไม่ได้ขอโทษ ไม่ได้บอกรักกัน ไม่ได้บอกว่าคุณโชคดีที่ได้รู้จักและได้ใช้ชีวิตร่วมกัน เป็นพ่อ แม่ ลูกกัน เป็นคนรักกัน เป็นเพื่อนกัน นี่แหละคือความทรมาน และปวดร้าวใจตอนนี้ถึงเข้าใจว่าทำไมเราต้องให้อภัยกัน กอดกัน และบอกรักกันทุกวัน

คุณโชคดีที่ได้นอนอยู่บ้าน มี internet มีหนังดู มีขนมกิน ได้อยู่กับครอบครัว ถ้าคุณอยากจะบ่น ก็ขอให้คิดถึงพวกเราที่โรงพยาบาล เราก็กลัว เราก็เหนื่อย เราก็ล้าและเราก็มีคนที่รักเรา รอเรากลับบ้านเหมือนคุณ เราก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้กล้าหาญอะไร ออกจะกลัวจนขี้ขึ้นสมองด้วยซ้ำ ถ้าเลือกได้เราก็ขอนอนเกาตูดดูหนังอยู่ที่บ้านเหมือนพวกคุณ เราก็ไม่อยากมาทำงานที่นอกจากจะต้อง พก PPE แล้วยังต้องมีพระเครื่องพวงใหญ่ที่พ่อแก้วแม่แก้วให้มาคุ้มครองปกป้องลูกน้อยที่ตอนนี้ก็ปาเข้าไป 40กว่า

อยู่บ้านเถอะคุณ ถ้าคิดว่าตัวเองติดเชื้อก็อย่าโกหก กักตัวเองเถอะ อย่าเห็นแก่ตัว คุณอาจจะไม่เป็นอะไร คุณอาจจะไม่มีใครรักหรือห่วงคุณ คุณอาจจะเห็นแก่ตัวไม่รักและไม่ห่วงใคร แต่คนที่คุณเอาโรคไปติดเขานั้น เขาก็มีครอบครัวมีคนที่รักเขา เขาอาจจะเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นลูก เป็นเพื่อน  ใครจะรู้เขาอาจจะเป็นคนเดียวที่หาเลี้ยงทั้งครอบครัวเขาอาจจะเป็นความหวังเดียวของพ่อแม่ที่แสนชราหรือเป็นพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวของลูกพิการที่รออยู่ที่บ้านเขาอาจจะมีกันแค่สองคนพี่น้อง

อยากจะขอร้องให้ทุกคนร่วมมือกัน ถ้าไม่คิดว่าทำเพื่อตัวเอง ก็ทำเพื่อคนอื่น หรือเพื่อชาติก็แล้วกัน

หรือไม่ก็ทำเพื่อ หมอ พยาบาล ผู้ช่วยหมอ ผู้ช่วยพยาบาล พนักงานห้องแล็ป พนักงานเข็นคนไข้ พี่รปภ พนักงานทำความสะอาด ทุกคน ทุกอาชีพ ที่ทำงานหนักตอนนี้เพื่อให้ทุกคนได้อยู่บ้านอยู่กับครอบครัว

ถามว่ากลัวไหม …. ขอตอบเลยว่ากลัวมาก เราไม่อยากทรมารแบบคนไข้ของเรา และเราก็ไมอยากเอามาติดคนที่บ้าน แต่ในความกลัวยังมีความหวัง  เพียงแต่ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน

#stayhome

#staythefuckhome

#flattenedthecurve