นักวิชาการดังยกสถาบันทิศทางไทย-ท็อปนิวส์ นำปฏิวัติปท.พาไทยพ้นชาตินักล่าอาณานิคม

0

จากที่ ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความลง Blockdit ถึงสถานการณ์ต่างประเทศ และมีความเชื่อมมาถึงไทย ซึ่งมีข้อความที่น่าพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง!!!

ทั้งนี้นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อมูลไว้ทั้งหมดว่า “ถ้าคนไทยต้องการให้ชาติปลอดจากการถูกตะวันตกครอบงำ ต้องทำอย่างไร?:

ต้องคิดเป็นแผนการณ์ระยะยาว นึกถึงวาทกรรมของลุงโฮเอาไว้ ‘การปฏิวัติที่แท้จริงคือการปฏิวัติประเทศให้พ้นไปจากชาตินักล่าอาณานิคม’

เพราะขณะนี้ แม้ว่าประเทศชาติจะมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ยังมีชาตินักล่าอาณานิคมมาชี้นิ้วบงการให้ทำโน่นทำนี่ โดยไม่ผ่านความเห็นของประชาชน แสดงว่าเรายังไม่ได้เป็นเอกราชเต็มตัว แล้วเราจะแก้ไขอย่างไร? มองระยะยาวสิครับ

๑.มีสำนักสื่ออย่าง TopNews หรือวิญญูชนที่กล้าหาญมากขึ้น กล้านำเสนอข่าว กล้าวิจารณ์ชาตินักล่าอาณานิคมมากยิ่งขึ้น ไม่กลัวถูกปฏิเสธวีซ่าเข้ายุโรปหรืออเมริกา และกล้าเปิดเผยชื่อจริง นามสกุลจริงและต้นสังกัดในการวิจารณ์

๒.มีองค์กรที่เป็น *คลังสมอง* อย่าง ‘สถาบันทิศทางไทย’ เพิ่มขึ้นทุกจังหวัด ถ้าจะให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ สถาบันทิศทางไทยควรจะเน้นการวิจัยนำ  มีทุนวิจัยให้นักวิชาการทำวิจัยเจาะลึกถึงเล่ห์เพทุบายของชาตินักล่าอาณานิคมในแง่มุมต่างๆ ทั้งภาคเศรษฐกิจ สังคม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ฯลฯ  ให้ละเอียด อาจจะต้องร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงในการระดมทุนส่วนหนึ่งให้นักวิจัยทำงาน

สิ่งที่สังคมไทยขาดมากที่สุดในตอนนี้ คือองค์กรที่เป็น *หน่วยงานคลังสมอง* ที่รู้เท่าทันชาตินักล่าอาณานิคมซึ่งต้องสร้างเครดิตขึ้นมาด้วยผลงานวิจัยและกระจายองค์ความรู้ที่ทำวิจัยแล้วไปยังสถาบันการศึกษาทั่วประเทศให้ได้ครับ

สถาบันดีทีอาร์ไอที่มีอยู่ตอนนี้เน้นไปทางเศรษฐกิจและสังคมเฉพาะหน้ามากกว่า ส่วนว่าดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ก็ไปเน้นไปดวงจันทร์มากกว่าจะสนใจให้คนในชาติรู้เท่าทันชาตินักล่าอาณานิคม ท่านคงจะลงจากตำแหน่งปีหน้าแล้ว ผมเลยไม่อยากไปหวังอะไรมาก

ผมจึงคิดว่าองค์กรที่คล้ายกับสถาบันทิศทางไทยนี่แหละครับ ควรจะเกิดเพิ่มมากขึ้นและมุ่งเป้าทำงานวิจัยนำเพื่อเป็นองค์กร *คลังสมอง* ของชาติให้ได้

การเคลื่อนไหวหลักจะต้องประกอบด้วย ๒ ส่วน ส่วนที่ ๑ เป็นคลังสมองหรือส่วนที่เป็นนักวิชาการซึ่งวิจัยนำหน้า และส่วนที่ ๒ เป็นนักกิจกรรมทางสังคม ประกอบด้วยประชาชนทั่วไปจากภาคส่วน ที่ยกพวกไปประท้วงนั่นก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี

แต่เหนืออื่นใด ต้องมีเป้าหมายชัดคือต้องปลุกกระแสให้เกิดการตื่นรู้ (awakening) ในหมู่ประชาชนชาวไทยทั่วๆ ไปด้วยองค์ความรู้เชิงลึกจากการศึกษาและวิจัยเป็นอย่างดีให้ได้ก่อน

ด้วยความปรารถนาดีครับ”

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย อ่านแถลงการณ์ ต่อต้าน การลงนามในบันทึกข้อตกลงยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก ร่วมกับสหรัฐอเมริกา ขณะที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ต้อนรับนาย Lloyd J. Austin III (ลอยด์ เจ. ออสติน ที่สาม ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ

ต่อมานายจตุพร ได้อ่านแถลงการณ์ ถึงรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ คือ 1.กลุ่มรับรู้ถึงเกียรติประวัติผลงานอันนำมาซึ่งความภาคภูมิใจของท่าน และประเทศของท่านพอสมควร ขณะเดียวกันเราต้องรับรู้ถึงความโศกเศร้า ความเจ็บปวด การสูญเสียของประชาชน  การล้มสลายของหลายประเทศไปพร้อมกันในการปฏิบัติการของท่าน และประเทศของท่าน เราจึงมีความกังวลต่อการมาของท่านในครั้งนี้

2.การที่ผู้นำของท่านฉวยโอกาสนำชื่อประเทศไทยของเราไปกล่าวอ้างในโอกาสต่างๆโดยอาศัยบันทึกข้อตกลงยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิค ซึ่งเป็นบันทึกข้อตกลงที่พวกเราไม่ยอมรับนั้น เป็นการสร้างศัตรูให้กับประเทศไทย เป็นอุปสรรคอันสำคัญ ทั้งทำให้เกิดข้อสงสัย ความไม่วางใจ ต่อมิตรประเทศต่างๆ ของประเทศไทย

และ3. เราทราบดีว่า สหรัฐอเมริกาเป็นมิตรกับประเทศไทยในลักษณะที่ใช้เราเป็นเครื่องมือเป็นแหล่งกอบโกยทรัพยากร เป็นพื้นที่เพื่อขยายอิทธิพลในแถบเอเชีย เพื่อการติดตั้งขีปนาวุธและไซเบอร์ อันเป็นประโยชน์ฝ่ายเดียวของสหรัฐอเมริกา แต่เราขอบอก อย่างหนักแน่นต่อท่านและสหรัฐอเมริกาว่า ประเทศไทยของเราเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตประชาชนไทยทั้งปวง และเราพร้อมต่อสู้ศัตรูเสมอเพื่อปกป้องประเทศไทย