มิคสัญญีเริ่ม!!ไบเดนกระอักมะกันชุมนุมเดือดทั่วปท.เรียกร้องแบนนักการเมือง ไม่แก้รุนแรงจากปืน ดันสภาคองเกรสขยับ

0

มะกันสุดทน ผู้ประท้วงนับหมื่นรวมตัวในวอชิงตันและสถานที่ชุมนุมหลายร้อยแห่งทั่วสหรัฐอเมริกาเมื่อวันเสาร์ เรียกร้องสมาชิกรัฐสภาผ่านกฎหมายควบคุมความรุนแรงจากอาวุธปืน หลังเหตุสังหารหมู่ในโรงเรียนประถมที่เทกซัสปลายเดือนที่แล้ว โดยผู้ชุมนุมบางคนเสนองดลงคะแนนให้นักการเมืองที่ขัดขวางความพยายามในการยกระดับมาตรการควบคุมอาวุธปืนในการเลือกตั้งกลางเทอมปลายปีนี้ ทำเอาทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันลนลาน มารับผู้นำชุมนุมสัญญาว่าจะผ่านกฎหมายควบคุมอาวุธปืน แต่จะทำเป็นขั้นตอน บางคนพอใจ ส่วนใหญ่ไม่วางใจ  การรับปากอาจผ่อนคลายความไม่พอใจของฝูงชนได้ แต่การแก้ไขที่แท้จริงคงไม่สำเร็จโดยง่าย เพราะนโยบายหลักของสหรัฐในช่วงนี้คือการ ผลักดันสงครามเพื่อขายอาวุธร้ายแรงให้ประเทศคู่ขัดแย้งไปรบกัน ท่ามกลางพายุเศรษฐกิจ วิกฤตสังคมเกลียดชังรุนแรงไปทั่วทุกหัวระแหง

วันที่ ๑๓ มิ.ย. ๒๕๖๕ สำนักข่าวรอยเตอร์และรัสเซียทูเดย์รายงานว่า มีการจัดชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ ในการรณรงค์ชื่อ มาร์ช ฟอร์ อาวร์ ไลฟ์ส หรือ เอ็มเอฟโอแอล(March For Our Life) ในกรุงวอชิงตันดีซี และหลายเมืองทั่วอเมริกา ประเมินว่า มีผู้ร่วมชุมนุมในเนชันแนล มอลล์ ใกล้อนุสาวรีย์วอชิงตันราว ๔๐,๐๐๐ คนท่ามกลางฝนปรอยปราย กลุ่มรณรงค์เรียกร้องความปลอดภัยจากอาวุธปืนกลุ่มนี้ก่อตั้งขั้นโดยนักเรียนที่รอดชีวิตจากเหตุสังหารหมู่ในโรงเรียนมัธยมเมืองปาร์กแลนด์ รัฐฟลอริดาในปี ๒๐๑๘

คอร์ตนีย์ แฮกเกอร์ตี บรรณารักษ์ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการวิจัยจากเมืองลอว์เรนซ์วิลล์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ เดินทางไปวอชิงตันพร้อมเคต บุตรสาววัย ๑๐ ปี และแกรม บุตรชายวัย ๗ ปี เล่าว่า ตอนที่เกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนประถมแซนดี้ ฮุกในเมืองนิวทาวน์ รัฐคอนเน็ตติกัต เมื่อเดือนธันวาคม ๒๐๑๒ ซึ่งมือปืนคนหนึ่งสังหารเหยื่อ ๒๖ คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุ ๖-๗ ปีนั้น ลูกสาวเธอกำลังจะฉลองวันเกิดขวบปีแรกในวันรุ่งขึ้น เธอกล่าวว่า“ไม่น่าเชื่อว่า ตอนนี้เคตอายุย่าง ๑๑ ปี แต่เรายังคงต้องออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้”

เคย์ ไคลน์ ผู้ฝึกหัดครู วัย ๖๕ ปีที่เพิ่งเกษียณเมื่อต้นเดือน บอกว่า คนอเมริกันไม่ควรลงคะแนนให้นักการเมืองที่ไม่ยอมดำเนินการเรื่องนี้ในการเลือกตั้งกลางเทอมที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึง ซึ่งจะชี้ชะตาว่า พรรคใดจะได้ควบคุมสภา คองเกรส

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม มือปืนคนหนึ่งในเมืองยูวัลดี รัฐเทกซัส สังหารเด็ก 19 คน และครู 2 คน และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น 10 วันหลังจากมือปืนอีกรายสังหารคนดำ 10 คนในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก ซึ่งเป็นการโจมตีทางเชื้อชาติ

เหตุกราดยิงเหล่านี้ตอกย้ำความเร่งด่วนในการอภิปรายในประเด็นความรุนแรงจากอาวุธปืน แม้แนวโน้มการผ่านกฎหมายยังคงไม่แน่นอนเนื่องจากสมาชิกพรรครีพับลิกันยังคัดค้านข้อจำกัดเกี่ยวกับอาวุธปืน ส่วนเดโมแครตก็เพิกเฉย ปธน.ไบเดนเสนอให้เพิ่มอายุผู้มีสิทธิ์พกปืนจาก ๑๘ ปีเป็น ๒๑ ปีเท่านั้น

ช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ กลุ่มผู้เจรจาในวุฒิสภาจากทั้งสองพรรคให้สัญญาจะประกาศข้อตกลง ทว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ และความพยายามนี้พุ่งเป้าที่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เช่น การกระตุ้นให้รัฐต่างๆ ผ่านกฎหมาย “สัญญาณเตือน” ที่เปิดทางให้เจ้าหน้าที่ป้องกันไม่ให้บุคคลที่มีแนวโน้มเป็นอันตรายเข้าถึงปืน

ทั้งนี้ ทางด้านเอ็มเอฟโอแอลเรียกร้องให้แบนอาวุธจู่โจม ตรวจสอบและเก็บข้อมูลประวัติผู้ที่ต้องการซื้ออาวุธปืนเกือบทุกประเภท และจัดตั้งระบบการออกใบอนุญาตทั่วประเทศที่กำหนดให้เจ้าของปืนต้องลงทะเบียน

ไบเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าวในลอสแองเจลีสว่า เขาคุยเรื่องนี้กับคริส เมอร์ฟีย์ วุฒิสมาชิกที่เป็นแกนนำการเจรจาในวุฒิสภาหลายครั้ง และคณะผู้เจรจายังคง “มองโลกแง่ดีเล็กน้อย”

เมื่อวันพุธที่ ๘ มิ.ย.ผ่านมา  สภาผู้แทนราษฎรที่ควบคุมโดยพรรคเดโมแครตผ่านมาตรการความปลอดภัยด้านอาวุธปืนที่ครอบคลุม แต่ร่างฎหมายนี้ไม่มีโอกาสไปต่อในวุฒิสภา เนื่องจากพรรครีพับลิกันมองว่า การจำกัดอาวุธปืนละเมิดสิทธิ์ในการครอบครองอาวุธตามรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๒

เซนา ฟิลิป วัย ๑๖ ปี และเบลน ซีรัค วัย ๑๕ ปี นักเรียนมัธยม ๒ คนจากเมืองซิลเวอร์สปริง รัฐแมรี่แลนด์ ใกล้กับวอชิงตัน บอกว่า ไม่เคยเข้าร่วมการประท้วงมาก่อน แต่เหตุกราดยิงในเทกซัสเป็นแรงกระตุ้นให้ทั้งคู่ไปร่วมชุมนุม

ฟิลิปกล่าวว่า“แค่รู้ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นในโรงเรียนของเราก็ทำให้ฉันหวาดผวาแล้ว เด็กมากมายมึนงงและรู้สึกสิ้นหวังกับเรื่องนี้”  ส่วนซีรัคบอกว่า เธอสนับสนุนให้เพิ่มข้อจำกัดเกี่ยวกับปืน และประเด็นนี้มีมากกว่าการสังหารหมู่ แต่เป็นการเสียชีวิตรายวันจากความรุนแรงจากอาวุธปืน ซีรัคย้ำว่า“ใครก็สามารถหาซื้ออาวุธสงครามได้ในอเมริกา ช่างไม่มีเหตุผลเอาเลย”