เป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับประชาชนยูเครนที่ต้องประสบภัยภิบัติสงครามเนื่องจากความบ้าอำนาจของมหาอำนาจตะวันตกอย่างสหรัฐและนาโต้ ใช้เป็นพื้นที่สู้รบด่านหน้าทำลายคู่แข่งอย่างรัสเซียอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี ๒๐๑๔ หลังจากรัสเซียเดินหน้าปฏิบัติการพิเศษทางทหารปลดปล่อยดินแดนดอนบาสเป็นอิสระจาก กลุ่มลัทธิทหารหัวรุนแรงของยูเครน ใช้เวลากว่า ๓ เดือน ยูเครนต้องถอยร่นประสบความพ่ายแพ้อย่างไม่อาจกลบเกลื่อนได้ กระแสข่าวการเจรจาต่อรองแบ่งดินแดนของสหรัฐ-โปแลนด์กับยูเครนถูกปล่อยออกมาเป็นระยะเหมือนโยนหินถามทาง
ล่าสุดหน่วยข่าวกรองของรัสเซียยืนยันเป็นครั้งแรกว่า ผู้นำยูเครนได้มอบอำนาจอธิปไตยของยูเครนให้โปแลนด์และสหรัฐอเมริกาเบ็ดเสร็จเรียบร้อย เพราะต้องการพึ่งพาสหรัฐและนาโต้อย่างเต็มที่ และโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อตะวันตกว่า จะต้องยึดรัฐอิสระที่เข้ากับรัสเซียคืนกลับมาให้ได้ก็ตาม แต่สถานการณ์เช่นนี้นอกจากจะยึดคืนโครเมีย โดเนตสก์และลูฮันสก์ไม่ได้แล้ว อาจต้องสูญเสียมากกว่าเดิมทั้งภาคตะวันตกก็เป็นได้ จึงยกภาคตะวันออกดินแดนฝั่งซ้ายให้กับลูกพี่อย่างไม่ถามความเห็นประชาชนยูเครนสักคำ
วันที่ ๑๑ มิ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่า เซอร์เก นาริชกิน(Sergei Naryshkin) ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองรัสเซียหรือ Russian Foreign Intelligence Service ชื่อย่อว่า SVR รายงานต่อที่ประชุมความมั่นคงว่า
ปธน.โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ (Volodymyr Zelensky) แห่งยูเครน ได้ตกลงที่จะโอนอำนาจอธิปไตยของยูเครนไปยังโปแลนด์ และอเมริกาแน่นอนแล้ว
เขากล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเซเลนสกี้จะเห็นด้วยกับการโอนอำนาจอธิปไตยของยูเครนไปยังโปแลนด์ เป็นไปตามความฝันของทางการโปแลนด์เกี่ยวกับการกลับมาของแผนการอีสเทิร์นบอร์เดอร์แลนด์ (Eastern Borderlands) กำลังดำเนินการอยู่ในขั้นตอนเหล่านี้”
กลุ่มเคียฟได้ตกลงที่จะผนวกยูเครนกับโปแลนด์แล้ว โปแลนด์เริ่มโฮสต์ศูนย์ประมวลผลข้อมูลสำรองของผู้เสียภาษี คือสเตท แท็กซ์ เซอร์วิส(State Tax Service) ของยูเครนทั้งหมด
ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรอง ระบุว่า “งานหลักในการติดตั้งอุปกรณ์ให้บริการชำระภาษีของยูเครนในโปแลนด์ ถูกยึดครองโดยบริษัทเทคโนโลยีซิลเท็ค (SILTEC) ซึ่งทำงานร่วมกับหน่วยงานข่าวกรองในท้องถิ่นของโปแลนด์ ในขณะที่การสนับสนุนระเบียบวิธีของการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องนั้นจัดทำโดยตัวแทนของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Dell, IBM และ Cisco”
นารีชกินกล่าวเสริมว่า “รัฐไม่ใช่บริษัทเอกชน และในกรณีนี้ เราเห็นว่ารัฐบาลทหารในเคียฟได้ตกลงเปิดทางผนวกยูเครนเข้าสู่โปแลนด์ และยอมมอบอำนาจอธิปไตยของรัฐให้กับโปแลนด์โดยสมัครใจ”
คำแถลงระบุว่า “ยูเครนจงใจเปิดเผยข้อมูลที่มีความสำคัญระดับชาติให้กับสหรัฐอเมริกาและโปแลนด์ รวมถึงข้อมูลผู้เสียภาษีและสถานการณ์ทางการเงินที่แท้จริงของประเทศ ในาด้านการดำเนินธุรกิจ ‘ธุรกรรม’ ดังกล่าวจัดเป็นการควบรวมและซื้อกิจการได้”
ก่อนหน้านี้ช่วงปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา หน่วยข่าวกรองรัสเซีย ออกมาเปิดเผยถึงแผนการของโปแลนด์ และยูเครน เข้าร่วมเจรจา โดยมีสหรัฐฯ เป็นคนกลาง เพื่อหวังควบรวม โปแลนด์-ยูเครน และเตรียมส่งกองทหารโปแลนด์ และชาติพันธมิตร ในนามนาโต้เคลื่อนทัพเข้าสู่ภูมิภาคตะวันตกของยูเครน
ตามแผนนี้กองทหารโปแลนด์ และชาติพันธมิตรที่สมัครใจกล้าตาย จะเคลื่อนเข้าสู่ภูมิภาคตะวันตกของยูเครน โดยใช้อาวุธที่ NATO ส่งมาสะสมตอนนี้นั่นเอง โดยมีข้ออ้างว่าเพื่อ “การรักษาสันติภาพ” และเรียกคืน “สมบัติทางประวัติศาสตร์โปแลนด์ในยุโรปตะวันออก” อ้างว่าเคยเป็นของโปแลนด์มาก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ลืมไปว่าประเทศนี้เคยสังกัดอยู่กับสหภาพโซเวียตในอดีต
แต่สถานการณ์พลิกผันเพราะรัสเซียมีชัยในสนามรบตั้งแต่ดอนบาส มายังมาริอูโปล และอื่นๆล่าสุดหวนกลับมากดดันเคียฟอีกรอบ ในขณะเดียวกัน โปแลนด์ประกาศลงนามสัญญาซื้อขายอาวุธมูลค่า ๖๕๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับยูเครน ถือว่าใหญ่สุดในรอบ ๓๐ ปี รายงาน
ความจริงสหรัฐและนาโต้ยังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับรัสเซียทางการทหาร จึงใช้วิธีการควบรวมอย่างเงียบๆโดยความยินยอมของผู้นำยูเครน และทุ่มสรรพกำลังดันหลังยูเครนสู้ตาย
การเคลื่อนไหวครั้งนี้อยู่ในสายตาของรัสเซียตลอดมา หากรัสเซียยอมเจรจาเรื่องแบ่งดินแดนยูเครนจริง คงจะไม่เดินหน้ารบมาถึงเฟสสอง ที่กำลังจะเปิดยุทธการเฟสสามเร็วๆนี้ ท่ามกลางการจัดระเบียบดินแดนที่แยกตัวเป็นอิสระ ทั้งเปิดโอกาสโอนสัญชาติเป็นรัสเซียง่ายขึ้นตามความสมัครใจ และเดินหน้าซ่อมสร้างเมืองต่างๆ ประกาศใช้ภาษารัสเซียเป็นทางการและใช้เงินรูเบิลจับจ่ายใช้สอย
คงต้องจับตาต่อไปว่า สหรัฐจะเดินหมากรุกหรือรับในสนามรบยูเครน เพราะสหรัฐมีแต่ได้ประโยชน์ ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นตกอยู่กับยูเครนอย่างชัดเจนหากการควบรวมได้รับการประกาศอย่างเปิดเผย และกองทัพนาโต้เข้าประจำการเปิดจุดวาบไฟให้สนามรบยูเครนขยายวง เป็นสงครามเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียและนาโต้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง โลกจะหนีไม่พ้นสงครามนิวเคลียร์ ที่ผลักทุกฝ่ายเข้าสู่ยุคมืด หรือดาร์กเอจ (Dark Age)อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง???
