เปิดแบบฟอร์มการจับกุม ผู้ที่กระทำผิดฝ่าฝืน ‘เคอร์ฟิว’ ยังมีการออกเคหสถานโดยไม่จำเป็น โดยคืนแรกที่ประกาศใช้ ‘เคอร์ฟิว’ พบมีผู้ฝ่าฝืนเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตำรวจโทดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยผลการประกาศเคอร์ฟิวเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า มียานพาหนะผ่านด่านทั้งสิ้น 7,598 คัน ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งสินค้า และการเข้าออกเวรของบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงโรงงานอุตสาหกรรม ในจำนวนนี้พบผู้กระทำความผิดทั้งสิ้น 177 คน โดยมีการว่ากล่าวตักเตือนไป 94 คน และดำเนินคดีทั้งสิ้น 42 คดี
มีรายงานเพิ่มเติมว่าในช่วงเวลาเคอร์ฟิวคืนแรก ตำรวจ สภ.ป่าตอง ได้เข้าจับกุมชายไทย จีน และเมียนมา ในพื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ที่ฝ่าฝืน ประกาศเคอร์ฟิว ออกนอกเคหสถานฯโดยไม่มีความจำเป็น จำนวนรวม 8 ราย ได้แก่
- 1.นายปริวัตร นวลแก้ว อายุ 35 ปี
- 2.น.ส.ศรัญญาพร ฉายจรุง อายุ 24 ปี
- 3.น.ส.สมคิด ขวัญเงิน อายุ 36 ปี
- 4.นายวีนัส ผุดผ่อง อายุ 36 ปี
- 5.น.ส.วาสนา ศรีผดุง อายุ 30 ปี
- 6.Mr.Li Jiajun อายุ 24 ปี สัญชาติจีน
- 7.Mr.Kyau Oo อายุ 35 ปี สัญชาติเมียนมา
- 8.Mr.Jaja อายุ 21 ปี สัญชาติเมียนมา
โดยแจ้งข้อกล่าวหา ออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้นโดยไม่มีความจำเป็น หรือเข้าข้อยกเว้น หรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ ที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ อันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
นอกจากนี้ยังพบว่าที่ จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าจับชาย 2 ราย ในพื้นที่ สภ.บางใหญ่ อาการมึนเมา ทุบร้านเซเว่น หลังเวลา 22.00 น. ส่วน สภ.เมืองหนองคายจับกุม นายสุพัฒน์ เดชอุดม อายุ 25 ปี เวลา 23.15 น. ที่ถนนข้างวัดชัยพร เขตเทศบาลเมืองหนองคาย และ นายธวัชชัย เทวภูมิ อายุ 24 ปี ซึ่งฝ่าฝืนเคอร์ฟิว โดยพบว่าในเวลา 00.30 น. ได้ขับรถยนต์มาตามถนนข้างโรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร
สำหรับการดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ที่กระทำผิดนั้น เจ้าหน้าที่จะมีแบบฟอร์มการจับกุม กรณีฝ่าฝืนเคอร์ฟิว เพื่อบันทึกข้อมูลอย่างละเอียด โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.วันที่ สถานที่ และชื่อของผู้ถูกจับกุม
สำหรับแบบฟอร์ม “บันทึกการจับกุม : ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ (ออกนอกเคหสถาน)” นั้น ในส่วนแรกจะเป็นช่องกรอกข้อมูลเกี่ยวกับ วัน/เดือน/ปี เวลาที่บันทึกการจับกุม และสถานที่จับกุม รวมถึงต้องระบุชื่อ-นามสกุล ของเจ้าพนักงานที่ทำการจับกุม และชื่อของผู้ที่ถูกจับกุม พร้อมหมายเลขประจำตัวประชาชน และระบุสัญชาติด้วย
2.ข้อกล่าวหา
ขณะจับกุมเจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อกล่าวหา นั่นคือ ออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 นาฬิกา ถึง 24.00 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น โดยไม่มีความจําเป็น หรือเข้าข้อยกเว้น หรือมีเหตุ ข้าเป็นอื่น ๆ ที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ อันเป็นการกระทําที่ฝ่าฝืนข้อกาหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนด การบริหาร ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 2 เมษายน 2563 ข้อ 1 พร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ
3.คำให้การผู้ที่ถูกจับ
จากนั้นเจ้าหน้าที่จะอ่านบันทึกการจับกุมให้ผู้ถูกจับฟัง พร้อมทั้งให้อ่านเอง แล้วรับว่าถูกต้องจึงให้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานพร้อมทั้งได้รับสำเนาบันทึกจับกุมแล้ว จากนั้นเป็นช่องที่ต้องระบข้อมูลว่าผู้ถูกจับให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธข้อกล่าวหา อนึ่งในการจับครั้งนี้ เจ้าพนักงานได้กระทําไปตามอํานาจหน้าที่ มิได้ทําให้ผู้ใดได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ มิได้ทําให้ทรัพย์สินของผู้ใดเสียหาย สูญหายหรือเสื่อมคํา และมิได้เรียกร้องเอาทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดมาเป็นของตนเองหรือผู้อื่นแต่อย่างใด
4.ลงลายมือชื่อ
จากนั้นลงชื่อทั้งผู้จับกุม และผู้ถูกจับกุมในข้างท้าย