ในขณะที่สงครามยูเครนในยุโรปยังดำเนินอยู่อย่างดุเดือด ฝั่งตะวันออกกลางก็คุกรุ่นจากสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ที่มีเงาของสหรัฐทาบทามอยู่ในทุกเรื่อง ล่าสุด หัวหน้าหน่วยพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านกล่าวโทษ “ไซออนิสต์” ฐานลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกรุงเตหะราน หลายครั้ง โดยให้คำมั่นว่าจะแก้แค้น ขณะที่อิสราเอล เร่งเสริมการป้องกันทางอากาศหวั่นวิตกว่าอิหร่านจัดขีปนาวุธหรือโดรนโจมตี
เมื่อการเจรจาบนโต๊ะที่สหรัฐและตะวันตกพยายามปลดนุ๊กส์อิหร่านล้มเหลว เตหะรานก็เดินหน้าเต็มพิกัด พัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์พึ่งตนเอง และจับมือกับกลุ่มพันธมิตรตะวันออกอย่างจริงจัง
วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๕ สำนักข่าวอัลจาซิรา รายงานถึง การเดินหน้ามุ่งสู่ตะวันออกของอิหร่าน หลังเข้าร่วมกลุ่ม CSTO อย่างเป็นทางการ ส่งผลยกระดับความสัมพันธ์กับทาจิกีสถานแน่นแฟ้นขึ้นทั้งทางเศรษฐกิจ การทูตและทางทหาร
การเยือนเตหะรานของเอโมมาลี รามอน(Emomali Rahmon) ปธน.แห่งทาจิกิสถานเมื่อวันที่ ๓๐ พ.ค.๒๕๖๕ และการเปิดโรงงานโดรนของอิหร่านแห่งใหม่ในเมืองดูชานเบ เมืองหลวงทาจิกิสถานเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ถือเป็นหลักฐานยืนยันปฐมบทแห่งนโยบายต่างประเทศ “มองไปทางตะวันออก” ของอิหร่าน ในขณะที่ประเทศแสวงหาการมีส่วนร่วมกับประเทศที่ไม่ใช่ตะวันตกมากขึ้น
โรงงานแห่งใหม่ในทาจิกิสถานจะผลิตโดรนอะบาบิล๒ (Ababil-2) ซึ่งอิหร่านกล่าวว่ามีพิสัยการ ๒๐๐ กม. หรือ ๑๒๔ ไมล์
นายพล โมฮัมหมัด ฮอสเซ็น บาเครี(Mohammad Hossein Bagheri) ผู้บัญชาการกองกำลังติดอาวุธของอิหร่าน กล่าวว่า “โรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานแห่งแรกที่อิหร่านสร้างขึ้นในต่างประเทศ และเน้นย้ำถึงความสามารถของเตหะรานในการ ส่งออกยุทโธปกรณ์ทางทหารไปยังประเทศพันธมิตร เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยและสันติภาพที่ยั่งยืน”
โดรนของอิหร่านเป็นแหล่งที่มาของอิทธิพลสำคัญในกลุ่มประเทศอาหรับ เช่น เลบานอนและเยเมน และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความพยายามของเตหะรานในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับจุดยืนของตนและของพันธมิตรในภูมิภาค ในขณะที่เพิ่มความกังวลให้กับสหรัฐฯ อิสราเอล และ บางประเทศของกลุ่มอ่าวอาหรับ Gulf Cooperation Council (GCC)
ทาจิกิสถานไม่ได้ตั้งอยู่ในตะวันออกกลาง แต่อยู่ในเอเชียกลาง อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ทาจิกิสถานประกาศเอกราชในปี ๑๙๙๑ อิหร่านก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับดูชานเบเป็นส่วนใหญ่ภาษาที่คล้ายคลึงกันและสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมที่แน่นแฟ้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับทาจิกิสถาน
เอ็ดเวิร์ด วาสนิดจ์ ผู้บรรยายเกี่ยวกับการศึกษาระหว่างประเทศและการเมืองที่มหาวิทยาลัยบริติช โอเพ่น กล่าวว่า “ในฐานะที่มีเศรษฐกิจยากจนที่สุดในบรรดาอดีตสาธารณรัฐโซเวียต ทาจิกิสถานมีความสุขที่ได้พันธมิตรระหว่างประเทศรายใหม่ ในขณะที่อิหร่านเปิดกว้างสู่เอเชียกลางและการฟื้นฟูพื้นที่วัฒนธรรมเปอร์เซียที่กว้างขึ้น ซึ่งช่วยต่อสู้ กับความพยายามกีดกันบีบบังคับที่นำโดยตะวันตกในการแยกสาธารณรัฐอิสลามออกจากประเทศอื่นๆ”
ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เจ้าหน้าที่อิหร่านและทาจิกิสถานให้คำมั่นที่จะเพิ่มการค้าประจำปีเป็น ๕๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในฐานะประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ทาจิกิสถานมองว่าท่าเรือชาบาร์ฮา (Chabahar) และท่าเรือบันดาร์ อับบาส ( Bandar Abbas) ของอิหร่านมีความสำคัญต่อความสามารถในการเข้าถึงอ่าวและทะเลอาหรับสะดวกขึ้น
โอมิด ราฮิมี ผู้เชี่ยวชาญสถาบันเอเชียกลางและอัฟกานิสถานศึกษา กล่าวว่า “อิหร่านมองเสถียรภาพและความมั่นคงในทาจิกิสถานและเอเชียกลางว่า เป็นผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่ปลอดภัยเพียงแห่งเดียวที่ไม่มีภัยคุกคามโดยตรงในภูมิรัฐศาสตร์รอบนอกของอิหร่าน”