ข่าวดีไทยมีเฮ! ไบเดนออกคำสั่งเว้นภาษีโซลาร์เซลล์ ๒๔ เดือน จาก๔ ปท.อาเซียน หุ้นส่งออกเด้งรับพรึบ

0

ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ระบุ ปธน.โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้ใช้อำนาจประธานาธิบดีออกคำสั่ง ‘คุ้มครองชั่วคราว’ ต่อการนำเข้าอุปกรณ์เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ หรือแผงโซลาร์เซลล์จากไทย มาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชา โดยจัดให้เป็นสินค้าปลอดภาษีนำเข้าเป็นเวลา ๒๔ เดือน งานนี้ได้ใจกลุ่มพลังงานทางเลือก แม้ว่าจะแก้ปัญหาวิกฤตขาดแคลนพลังงานในอเมริกาไม่ได้สักเท่าไหร่แต่ได้คะแนนทางการเมืองไปเต็มๆ เป็นโอกาสดีที่การส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ของไทยจะได้อานิสงส์กลับขายดีเหมือนเดิม

The White House in Washington DC at summer day. The White House is home of the President of the United States of America, Washington DC, USA.

 

วันที่ ๖ มิ.ย.๒๕๖๕ ทำเนียบขาวแถลงระบุว่า มาตรการคุ้มครองชั่วคราวต่อการนำเข้า อุปกรณ์เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ แผงโซลาร์เซลล์ จาก ๔ ประเทศอาเซียน รวมทั้ง ไทย ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ มีขึ้นเพื่อเป็น “สะพานเชื่อมต่อ” ในช่วงที่ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มกำลังการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ และผลักดันนโยบายพลังงานสะอาดของปธน.ไบเดน

ทั้งนี้ ปธน.ไบเดน ได้ ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวต่อการนำเข้าอุปกรณ์เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ หรือแผงโซลาร์เซลล์จาก ๔ ประเทศอาเซียน ประกอบด้วย ไทย มาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชา โดยจัดให้เป็นสินค้าปลอดภาษีนำเข้าเป็นเวลา ๒๔ เดือน

นอกจากนี้ ยังประกาศใช้ กฎหมายการผลิตเพื่อปกป้องประเทศ (PDA) ในการสนับสนุนให้ภาคเอกชนของสหรัฐทำการผลิตแผงโซลาร์เซลล์และพัฒนาพลังงานสะอาด โดยได้รับเงินกู้และเงินให้เปล่าจากรัฐบาล 

แถลงการณ์ระบุว่า “การมีภาคพลังงานสะอาดที่แข็งแกร่งจะทำให้สหรัฐเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นต่อพันธมิตรของเรา โดยเฉพาะในขณะที่ประธานาธิบดีปูตินกำลังทำสงครามกับยูเครน” 

หลังการประกาศมาตรการดังกล่าวของปธน.ไบเดน ภาคอุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ของสหรัฐต่างแสดงความยินดี โดยนางแอบิเกล รอสส์ ฮอปเปอร์ ประธานสมาคมอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ (SEIA) กล่าวว่า การดำเนินการครั้งนี้ของประธานาธิบดีไบเดน เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างมาก เธอมองว่า ภายในช่วงเวลา ๒ ปีนี้ ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐจะสามารถกลับมาติดตั้งโซลาร์เซลล์ได้มากขึ้น และการประกาศใช้กฎหมาย PDA จะช่วยให้อุตสาหกรรมของสหรัฐมีการขยายตัวมากขึ้น

ความเป็นมาก่อนหน้านี้  ก่อนการตัดสินใจออกคำสั่งดังกล่าวข้างต้น ปธน.ไบเดนได้รับการร้องเรียนจากภาคอุตสาหกรรม สมาชิกสภาคองเกรส และผู้ว่าการรัฐของสหรัฐเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ทำการสอบสวนการนำเข้าอุปกรณ์แผงโซลาร์เซลล์จาก ๔ ประเทศอาเซียน ไทย มาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชา ว่าเป็นการช่วยให้จีนหลีกเลี่ยงมาตรการทางด้านภาษีจากทางสหรัฐหรือไม่  ซึ่งหากมีความผิดจริงจะถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังสูงถึง ๒๕๐%

เนื้อหาส่วนหนึ่งของจดหมายร้องเรียนระบุ “การสอบสวนดังกล่าวได้ทำให้อุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์หยุดชะงักลง และจะกระทบต่อธุรกิจโซลาร์เซลล์ของสหรัฐและคนงานในอุตสาหกรรม รวมทั้งจะเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อภาคครัวเรือนของชาวอเมริกัน” 

ทั้งนี้ สหรัฐนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จาก ๔ ประเทศดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน ๘๐% ของการนำเข้าทั้งหมด

ก่อนหน้านี้ บริษัท Auxin Solar ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ยื่นฟ้องต่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเพื่อให้มีการสอบสวนว่า ผู้ผลิตของจีนได้โยกย้ายฐานการผลิตอุปกรณ์เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์เข้าสู่ไทย มาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชา เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีจากทางสหรัฐหรือไม่

แต่ขณะเดียวกัน ในฐานะผู้ที่จะได้รับผลกระทบ ทางด้านสมาคมอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ของสหรัฐ (SEIA) เตือนว่าการสอบสวนของกระทรวงพาณิชย์จะส่งผลให้การลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ในสหรัฐต้องหยุดชะงักลง หลังจากที่ได้ชะลอตัวลงอยู่แล้ว อันเนื่องจากต้นทุนในระดับสูง ความล่าช้าในการขนส่งสินค้า รวมทั้งปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งจะเป็นปัจจัยขัดขวางนโยบายของปธน.ไบเดนเอง ที่ต้องการสนับสนุนโครงการใช้พลังงานหมุนเวียนในสหรัฐ

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวระบุว่า แม้ปธน.ไบเดนจะออกคำสั่งคุ้มครองการนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จากทั้ง ๔ ประเทศแล้วเมื่อวันที่ ๖ มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่การสอบสวนจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะยังคงดำเนินต่อไป และหากปรากฎว่าผิดจริง ทางกระทรวงก็จะสามารถเรียกเก็บภาษีได้ แต่จะต้องพ้นกำหนดเวลา ๒๔ เดือนนับจากที่ปธน.ไบเดนกำหนดให้แผงโซลาร์เซลล์ดังกล่าวเป็นสินค้าปลอดภาษี และกระทรวงจะไม่สามารถเรียกเก็บภาษีย้อนหลังต่อการนำเข้าสินค้าดังกล่าว