โลกตะลึง! สหรัฐวิกฤตหนัก ทุ่มงบหมดไปกับยุทโธปกรณ์ ทำไฟฟ้าดับวงกว้าง รัฐประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรง!
จากกรณีที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงาน โดยกล่าวว่า ความมั่นคงของชาติและคุณภาพชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตราย อย่างการขาดแคลนแหล่งจ่ายไฟ มีหลายปัจจัยที่คุกคามความสามารถของสหรัฐ ในการจัดหาไฟฟ้าให้เพียงพอ ปัจจัยเหล่านี้รวมถึงการหยุดชะงักของตลาดพลังงาน ที่เกิดจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียและเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วที่เลวร้ายลงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ทั้งนี้ ไบเดนได้ประกาศยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับแผงโซลาร์เซลล์เป็นเวลา 2 ปีจาก 4 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา และไทย เนื่องจากแผงโซลาร์เซลล์ ประมาณ 3 ใน 4 ที่ติดตั้งในสหรัฐนั้น นำเข้ามาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ ไบเดนยังได้ประกาศใช้กฎหมายการผลิตเพื่อปกป้องประเทศ ในการสนับสนุนให้ภาคเอกชนของสหรัฐทำการผลิตแผงโซลาร์เซลล์และพัฒนาพลังงานสะอาด โดยจะมีเงินกู้และเงินให้เปล่าจากทางรัฐบาลเข้ามาสนับสนุนด้วย ไบเดนระบุว่า การมีภาคพลังงานสะอาดที่แข็งแกร่งจะทำให้สหรัฐมีความเป็นหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งขึ้นต่อพันธมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการเผชิญหน้ากับปูตินในสงครามยูเครน ประกาศของไบเดนนี้ ทำให้ภาคอุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ของสหรัฐยินดี โดยชี้ว่า นับเป็นการชุบตัวให้การก่อสร้างและการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ รวมถึงเป็นการฟื้นฟูการคาดการณ์และความเชื่อมั่นทางธุรกิจด้วย
ต่อมาทางเพจ World Update ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า จากรายงานขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ในปี 2020 ประเทศที่ส่งออกอาหารข้าวสาลีมากที่สุดในโลก 5 อันดับแรก คือ รัสเซีย , สหรัฐ , แคนาดา , ฝรั่งเศส และยูเครน โดย 3 ชาติผู้กุมระเบียบโลกเก่า คือ สหรัฐ แคนาดา ฝรั่งเศส ขายราคาแพงลูกค้า คือ ทวีปอเมริกาเหนือ และ ยุโรปที่ร่ำรวย เพราะชาวแอฟริกาที่ยากจนสู้ราคาไม่ไหว ส่วนยูเครน ลูกค้า ก็อยู่ในยุโรปเช่นกัน แต่มีสัดส่วนส่งออกราว 45% เมื่อเทียบกับรัสเซีย , กลุ่มลูกค้าข้าวสาลีของรัสเซีย ที่ต้องเลี้ยงประชากรโลกถึง 3 ทวีปคือ ตะวันออกกลาง เอเซีย และแอฟริกา จึงไม่ซ้ำซ้อนกัน , แต่ชาติตะวันตก ผู้ผลิตอาหารส่งออกเบอร์ต้นของโลกกินจุมาก ปัจจุบันกลายเป็นชาติที่เกิดวิกฤติขาดแคลนอาหารเสียเอง ทั้งที่ไม่ใช่ลูกค้าของรัสเซีย
สหรัฐ ยังเป็นชาติที่พิมพ์เงินกระดาษใช้เองตามใจชอบโดยไม่มีทองคำค้ำประกัน ในระยะเวลาแค่ไม่ถึง 2 ปีพิมพ์เงินออกมาปานเขื่อนแตกกว่า 5.9 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ปัจจุบัน สหรัฐ กลายเป็นประเทศที่มีหนี้สินสาธารณะต่อต่างชาติมากที่สุดในโลกกว่า 30 ล้านล้านดอลลาร์ (จีน และญี่ปุ่น คือเจ้าหนี้รายใหญ่สุด รวมกันกว่า 7%) การมีหนี้สินล้นพ้นตัวเกินกว่า 125% ของ GDP คือรายได้ต่อปี ไม่มีความสามารถชำระหนี้คืน ถ้าเป็นประเทศอื่น เช่น กรีซ อเจนตินา ศรีลังกา เวเนซุเอลา ก็ถือว่าล้มละลาย แต่สหรัฐ กลับไม่ยอมรับความจริงนี้
ยิ่งมีหนี้สาธารณะมาก สหรัฐ ยิ่งพิมพ์เงินกระดาษออกมามากจนแท่นพิมพ์จะพัง เพื่อชดใช้ตราสารหนี้ พันธบัตร และยิ่งใช้จ่ายเกินตัวหนักขึ้นแบบ “วอดวายไม่ว่า เอาหน้าไว้ก่อน” จึงกลายเป็นชาติที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงติดอันดับโลกเกือบ 10% ส่งผลให้ของแพงทั้งแผ่นดิน , สหรัฐ ยังเป็นชาติมหาอำนาจผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันดิบ น้ำมันแปรรูป ก๊าซ อันดับต้นๆ ส่งขายทั่วโลก แต่ปัจจุบัน กลายเป็นชาติที่ราคาพลังงานแพงมากติดอันดับโลก และขาดแคลน เป็นเรื่องน่าประหลาดและย้อนแย้งที่สุด , สหรัฐ ยังเป็นชาติที่มีระบบพลังผลิตไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ เช่น จากน้ำมัน ก๊าซ ที่ผลิตได้เอง จากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังน้ำจากเขื่อน ฯลฯ
แต่ด้วยการบริหารที่ล้มเหลวจากรัฐ ทุ่มงบประมาณส่วนใหญ่ไปกับด้านกลาโหม ส่งผลให้ขาดการบำรุงรักษาแหล่งผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าจากกังหันลมที่ชำรุด และลงทุนต่ำด้านระบบไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ในปี 2021 ที่ผ่านมารัฐเท็กซัส อากาศหนาวจัด รัฐบริหารผิดพลาดเกิดไฟฟ้าดับทำให้มีผู้เสียชีวิต 246 ราย เกิดความเสียหายอย่างน้อย 195,000 ล้านดอลลาร์ ปัจจุบัน รัฐยังคงล้มเหลวจนพลังงานน้ำมัน และก๊าซ ที่นำมาผลิตไฟฟ้าขาดแคลนเกิดปัญหางูกินหางโดมิโน่ไฟฟ้าดับในวงกว้างหลายรัฐ เกิดวิกฤติ “ขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า” ซ้ำเติมคุณภาพชีวิตประชาชนชาวอเมริกัน
วันก่อนประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ “ไม่มั่นคงปลอดภัย” ถูกภัยคุกคามจากเครื่องบินเล็กบินบุกน่านฟ้าบ้านพักผ่อนริมชายหาด รัฐเดลาแวร์ จนการ์ดรักษาความปลอดภัยต้องอพยพผู้นำสหรัฐ และภริยา ลี้ภัยหนีอย่างฉุกเฉิน , ล่าสุดสร้างความตกตะลึงให้กับโลก เมื่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ “ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานไฟฟ้า” เขาอ้างว่าวิกฤติไฟฟ้าดับ สั่นคลอนความมั่นคงของชาติ และคุณภาพชีวิตประชาชน กำลังตกอยู่ในอันตรายจากการขาดแคลนแหล่งจ่ายไฟฟ้า ไม่สามารถผลิตได้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคชาวอเมริกัน “มีสาเหตุเกิดจากรัสเซีย”
ผู้นำสหรัฐ ยังอ้างอีกว่าวิกฤติไฟฟ้าดับเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สุดขั้ว รัฐบาลเขาไม่ผิด โดยโทษว่า รัฐแคลิฟอร์เนียและเท็กซัส พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมมีเป็นระยะๆ กังหันลม น้ำ กลายเป็นน้ำแข็งในช่วงที่อากาศหนาวจัดปีที่ผ่านมา สหรัฐจึงยกเว้นภาษีศุลกากรนำเข้าสำหรับแผงโซลาร์เซลล์เป็นเวลา 2 ปีจาก 4 ประเทศในอาเซียน เนื่องจากแผงเซลล์แสงอาทิตย์กว่า 75% ที่ติดตั้งในสหรัฐนั้น ต้องนำเข้าจากอาเซียน เพราะสหรัฐ ขาดเทคโนโลยี วัตถุดิบ และศักยภาพ สู้อาเซียนไม่ได้ โดยสรุปผู้นำสหรัฐ อ้างว่า
– วิกฤติอาหาร..รัสเซียผิด
– วิกฤติเงินเฟ้อ..รัสเซียผิด
– วิกฤติน้ำมัน..รัสเซียผิด
– วิกฤติก๊าซ..รัสเซียผิด
– วิกฤติไฟฟ้า..รัสเซียผิด
ส่วนการที่อุตสาหกรรมสงคราม อาวุธขายได้มากขึ้นจนเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมอาวุธร่ำรวยขึ้น สมาชิกสภาคองเครสที่ถือหุ้นบริษัทอาวุธร่ำรวยขึ้นนั้น เป็นผลงานของรัฐบาลสหรัฐ ที่จับต้องได้อย่างชัดเจน..คาดว่าในอนาคต สหรัฐ ยุโรป อาจต้องคว่ำบาตร “ลม” ที่พัดมาจากรัสเซีย – จีน ห้ามนำไปผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมทั่วโลก และคว่ำบาตร “อากาศหายใจ , น้ำทะเล” ที่ไหลหมุนเวียนมาจากต้นทางรัสเซีย – จีน อีกด้วย