หลังจากที่สหรัฐประกาศกร้าวจะส่งอาวุธให้ยูเครน ทำให้ทางด้านผู้นำรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ก็กร้าวกลับเช่นกันว่าจะถล่มเป้าหมายใหม่ พร้อมกันนี้ยังสั่งจ่ายเงินครอบครัวทหารที่เสียชีวิตในสมรภูมิด้วย
โดยคำสั่งดังกล่าวตอกย้ำว่า สมาชิกของทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษ รอสกวาร์เดีย เสียชีวิตในสงครามบุกยูเครน พร้อมกับทหารจากกรมกองอื่น ๆ หน่วยทหารปฏิบัติการพิเศษนี้ รับคำสั่งโดยตรงจากประธานาธิบดีปูติน หลังก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2016 (พ.ศ.2559) เพื่อต่อสู้กับการกก่อการร้าย อาชญากรรมจากแก๊งจัดตั้ง รวมถึงใช้ปราบปรามผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลอย่างสงบด้วย
นักวิเคราะห์ชาติตะวันตกตีความว่า การเคลื่อนกำลังทหารของรัสเซียในยูเครน เป็นสัญญาณความมั่นใจผิดพลาดว่ารัสเซียจะยึดเมืองต่าง ๆ ได้เร็ว แต่สถานการณ์ตอนนี้ ยูเครนโจมตีรัสเซียหนักในกรุงเคียฟ และเมืองคาร์คิฟ รวมถึงสู้รบเดือดในภูมิภาคดอนบัส ทางภาคตะวันออก
ก่อนหน้านี้ ปูตินเผยจำนวนทหารที่เสียชีวิตในสงครามว่า มีแล้วอย่างน้อย 1,351 ราย อีก 3,825 นายบาดเจ็บ ช่วงเวลาเดียวกัน ปูตินให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์รอสซียา 1 สื่อของทางการ สะท้อนถึงสถานการณ์ในสงครามน่าจะรุนแรงขึ้นว่า รัสเซียจะโจมตีเป้าหมายใหม่ หากสหรัฐอเมริกาส่งมอบขีปนาวุธพิสัยไกลให้ยูเครน
อย่างไรก็ตามผู้นำรัสเซียกล่าวด้วยว่า อาวุธที่สหรัฐกองทัพยูเครนมีระบบที่คล้ายคลึงกันนี้อยู่แล้ว การส่งมอบอาวุธดังกล่าวจึงไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันใด มีแต่จะทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อเท่านั้น
เมื่อไม่นานนี้ กระทรวงกลาโหมยูเครนประกาศการรับมอบระบบขีปนาวุธต่อต้านเรือฮาร์พูน (Harpoon) จากเดนมาร์ก สหราชอาณาจักร และเนเธอร์แลนด์ เพื่อเสริมเกราะป้องกันในพื้นที่ทะเลดำ ขณะหลายประเทศจะจัดหาอุปกรณ์ป้องกันให้ยูเครนในอนาคตอันใกล้ด้วย
ปูตินเผยระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์กับเหล่าผู้นำยุโรปเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่าการจัดหาอาวุธจะส่งผลให้สถานการณ์ไร้เสถียรภาพยิ่งขึ้น และทำให้วิกฤตมนุษยธรรมในยูเครนย่ำแย่ลง รวมทั้งที่ผ่านมา ได้มีรายงานข่าวระบุด้วยว่า กองทัพยูเครนยังปฏิบัติกับกำลังพลด้วยความไม่เป็นธรรม เมื่อใครบาดเจ็บหนัก จะไม่มีการรักษาแต่จะให้จัดการทิ้ง เพราะไม่สามารถรบต่อได้ และทหารรับจ้างของยูเครนหลายรายต้องหนีเอาชีวิตรอดจากสมรภูมิเดือดแห่งนี้ด้วย