ถือว่าเป็นประเด็นเดือดเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองอีกครั้ง เมื่อมีรายงานจากแหล่งข่าววงใน เปิดเผยว่า พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา ได้ส่งข้อความเรื่องการลงมติของส.ว. ผ่านทางแชทไลน์ของกลุุ่มส.ว. ให้ได้อ่านเพื่อวิเคราะห์ข้อเท็จจริง ตามคำคำสัมภาษณ์ ของนพ.วรงค์ หัวหน้าพรรคไทยภักดี
โดยมีข้อความระบุว่า “อยากให้ สว.ทุกท่านได้อ่านคำสัมภาษณ์ ของนพ.วรงค์ แล้วลองมาไตร่ตรอง ใคร่ครวญให้ดี ว่าในการลงมติเรื่องสำคัญ ๆ แต่ละครั้ง ๆ นั้น โดยเฉพาะการแก้ไข รธน. ส.ว.ได้วิเคราะห์ ถึงผลกระทบในการแก้ไขนั้นหรือไม่ แก้ไขแล้วการเมืองไทยจะพลิกโฉมหน้าไปอย่างไร ส่งผลดี หรือผลเสียต่อประเทศชาติ หรือยกมือสนับสนุนให้แก้ไข ด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถอธิบายได้ ในยุค ส.ว.สมัยนี้ จะได้เห็นผลกระทบจากการลงมติของเรา ว่าเราลงมติถูกต้องหรือไม่อย่างไร
ทั้งนี้ข้อความของนพ.วรงค์ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษผ่านรายการ “สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์” เผยแพร่ทางช่องยูทูบ Siamrath เมื่อวันที่ 28 พ.ค.65 วิเคราะห์ชัยชนะในสนามเลือกตั้งกทม. ผ่านการเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯกทม.”
โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ได้เป็นภาพสะท้อนถึงความนิยมของรัฐบาลที่กำลังถดถอย และอะไรคือทางออก ที่จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ปรับเปลี่ยนได้ทันก่อนถึงวันเลือกตั้งสนามใหญ่ มีสาระที่น่าสนใจดังนี้
– ผลจากการเลือกตั้งสนามกรุงเทพฯที่ผ่านมา ถือว่ามีเอฟเฟกต์มากพอสมควร โดยเฉพาะการที่คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้รับชัยชนะ แบบถล่มทลาย ทำให้เกิดคำถามตามมา ว่านี่คือการสะท้อนภาพขาลงของรัฐบาลด้วยหรือไม่ มีเสียงเตือนจากนพ.วรงค์ที่ขอให้บิ๊กตู่ เลิกเกรงใจ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯได้แล้ว
ผมคิดว่าที่ผ่านมา มีประเด็นหลาย ๆ ประเด็นที่เป็นปัญหาต่อสังคม ผมเตือนรัฐบาลมาตลอด เอาง่าย ๆ เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เราคิดว่าอันที่มันไม่เหมาะสมนะ ถ้าผมยกตัวอย่างก็ชอบพูดอยู่เรื่อยแม้แต่ถ้าจำได้ตอนที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วเราก็พยายามจะเตือนนะว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญรอบนี้ มันนำไปสู่การเข้าทางของคู่ต่อสู้นะ เพราะกติกาบัตร 2ใบ เป็นกติกาที่คู่ต่อสู้เป็นคนเรียกร้อง แต่ท่านก็ไม่ฟัง เราก็ไม่ว่ากัน จนกระทั่งต้องยอมรับว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.รอบนี้ คะแนนผู้ชนะคือคุณชัชชาติ ได้ 1 .38 ล้านคะแนน ในขณะที่ผู้แข่งทั้งหมดได้ประมาณ 200,000 กว่า โดยเฉพาะฝั่งพวกเราแล้วกัน รวมกันแล้วก็ไม่สามารถสู้คุณชัชชาติได้ การที่คะแนนคุณชัชชาติทิ้งห่างแบบ ห่างมาก ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับการต่อสู้ในอดีตอาจจะห่างกันสัก 2 แสนคะแนน 3 แสน คะแนน
การทิ้งห่างเป็นล้านคะแนนต่อคน มันบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ประชาชนรู้สึกเก็บกด ประชาชนไม่แฮปปี้ ประชาชนไม่สบายใจ ประชาชนจึงเทคะแนนไปให้คุณชัชชาติ ที่เขาคิดว่ามันเป็นความหวังของเขา การที่คะแนนทิ้งห่าง มันบ่งบอกชัดเจนว่าประชาชนเบื่อหน่าย ก็คือเบื่อหน่ายรัฐบาล ผมกังวลว่าถ้ารัฐบาลไม่สั่ง ยังคิดว่าตัวเองไม่ได้สนับสนุนใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองนะไม่ใช่ จึงออกมาเตือนดัง ๆ เตือนแรง ๆ ให้รัฐบาลได้รับรู้ว่า ถามว่าทำไมผมกล้า เพราะผมเห็นภาพใหญ่ ซึ่งจุดพลาดอย่างร้ายแรงของรัฐบาล ก็ถือว่าเป็นความรับผิดชอบร่วมกันคือการไปเดินเกมในสิ่งที่คุณทักษิณ เรียกร้อง คุณทักษิณถ้าพูดถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่รัฐธรรมนูญปี นั่นคือการเลือกตั้งบัตร 2 ใบ เพื่อให้พรรคใหญ่กินรวบ และผมก็เตือนว่าอย่าไปแก้นะ เพราะถ้าไปแก้ ผมถือว่าบัตรใบเดียว กรรมาธิการยกร่างเขาได้ปฏิรูปการเมืองเรียบร้อยแล้ว และถ้าไปแก้การเมืองที่มีการปฏิรูปไปสู่การเมืองที่ระบอบที่พรรคใหญ่กินรวบ มันจึงทำให้เกิดมุ้ง นอกจากเกิดมุ้งแล้ว มันใช้เงินเยอะ
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาเห็นไหมว่า หลังจากที่เขาเดินหน้ามา รัฐธรรมนูญมีการลงนามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เรียบร้อยแล้ว มันเกิดมุ้งจริง ๆ อย่างน้อยเราเห็นชัดก็คือกลุ่มคุณธรรมนัส เมื่อเกิดกลุ่มคุณธรรมนัส ขึ้นมา รัฐบาลมีอาการเซเลยนะ ถูกการต่อรองทันที หลังจากนั้นกระแสรัฐบาลไหลลงไปเรื่อย ๆ เพราะทุกคนไม่เชื่อรัฐบาล แทนที่ท่านนายกฯมีอำนาจต่อรองสูง แต่ปรากฏว่าหลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้ว ทำให้อำนาจการต่อรองของรัฐบาลไหลลงไปเรื่อย ๆ
และยิ่งเกิดการต่อรองในเรื่องผลประโยชน์ของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล เพราะความรู้สึกของประชาชนรับรู้ว่าโครงการนี้โปร่งใส โครงการนี้ไม่โปร่งใส หรือการปฏิรูปที่ประชาชนต้องการให้เห็นมีการเปลี่ยนแปลง มันไม่ได้เกิดขึ้น มันจึงนำไปสู่สิ่งที่เกิดขึ้น และผมเชื่อว่าทุกคนรับรู้ว่ารัฐบาลมีปัญหาตอนนี้ อย่างน้อยที่สุดเราเห็นว่าเกิดความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมือง ทั้งกลุ่มพรรคเล็กที่อ้างว่ารวมกันได้ 20 เสียง หรือพรรคเศรษฐกิจไทยมีความเคลื่อนไหวออกไปในแง่ที่ว่าอาจจะไม่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาล สิ่งเหล่านี้คือเป็นปรากฏการณ์ที่ถือว่าไม่ปกติ แต่ไม่เกินความคาดหมาย
ก็เป็นความผิดพลาดในการเดินแต้มของทางรัฐบาล ผมพูดแบบไม่เกรงใจ ผมถือว่าท่านนายกฯ ท่านเกรงใจท่านพล.อ.ประวิตร และท่านพล.อ.ประวิตรเอง ท่านก็ไปเชื่อ ร.อ.ธรรมนัสมากเกินไป และสุดท้ายเหตุการณ์ที่ผ่านมา เป็นบทพิสูจน์ว่า พล.อ.ประวิตร ถูก ร.อ.ธรรมนัส ตีจากไปเรียบร้อยแล้ว ผมเชื่อว่าคำพูดที่บอกว่าครอบครัวของเรา ที่พูดถึงเรื่องการเลือกตั้ง ที่พรรคเพื่อไทยได้ส.ก.เข้าสภากทม. มาเป็นอันดับหนึ่ง น่าจะเป็นสิ่งที่ร.อ.ธรรมนัส หมายความถึงครอบครัวของเรา
มันบ่งบอกว่าเขากำลังตีจาก ก็เท่ากับว่า ถ้าพูดแบบเล่นไพ่รัมมี่ก็เหมือนทิ้งไพ่โง่ไปแล้ว นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผมคิดว่าก็ยังโชคดีนะ การที่ผู้ว่าฯกทม.แลนด์สไลด์ รวมถึง การที่ร.อ.ธรรมนัส รีบตีจากให้เห็นว่ากำลังเสียเปรียบ หรือแม้แต่การที่คุณทักษิณออกมาตีปี๊บ ซึ่งมันเกิดขึ้นเสียตั้งแต่ตอนนี้
ไม่ใช่หลังจากที่ตีปี๊บ เพราะว่ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นบัตร 2 ใบ โชคดีที่บัตร 2 ใบ มันยังไม่นิ่ง กำลังต่อสู้ระหว่าง หาร 100 หรือหาร 500 เพราะถ้าไปหาร 100 ตามที่คุณทักษิณต้องการเนี่ยจบแล้วนะ ผมเชื่อว่ามันแลนด์สไลด์แล้วก็ยกประเทศไทยให้คุณทักษิณ แต่ถ้าหาร 500 นี่ ยังไงก็ยังพอเบรกเกมเสิร์ฟได้บ้าง นี่ถือว่าโชคดีที่ยังมีโอกาสเตือนสติท่านนายกฯ พล.อ.ประวิตรและพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดครับ จากนี้ไปเหลือเวลาอีกประมาณ 10 เดือน เรียกว่าไม่ถึงปี หากรัฐบาลอยู่ครบเทอม ก็จะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ คิดว่าในห้วงเวลานี้รัฐบาลหรือพล.อ.ประยุทธ์รวมทั้งพรรคพลังประชารัฐเองตั้งหลักทันหรือไม่
สิ่งที่จะต้องผ่านให้ได้ก็คือ การอภิปรายงบประมาณ อันนี้สำคัญ เห็นฝ่ายค้านออกมาข่มขู่แล้วว่าจะคว่ำ แต่ผมก็เชื่อว่าเขาน่าจะมีวิธีการ เพราะการเมืองถ้าเขาสมประโยชน์กันได้ ก็เอาตัวรอดได้ แต่เห็นก่อนหน้านี้มาขู่ การอภิปรายงบประมาณช่วง 31 กับ 1 ที่จะถึงนี้ แต่ถ้าผ่านไปได้ หัวใจสำคัญก็คือการโหวตกฎหมายลูก ทราบข่าวว่ากำลังจะเข้าสภา 9 มิ.ย.-10 มิ.ย. แต่ถ้าจะเล่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย อันนี้คือจิตวิทยา ถ้ามีการโหวต ผลออกมาแล้วเป็น 100 หาร ก็ถือว่าจบ แสดงว่ารัฐบาลไปไม่รอดแล้ว คือฝ่ายค้านจะได้ใจเขายิ่งออกมาขย่ม ผมเชื่อว่าเราจะพังก่อน
แต่ถ้าหาร 500 เท่ากับว่ารัฐบาลตั้งหลักได้ สร้างความเชื่อมั่นกับทีมเขาได้ แล้วประชาชนมีความรู้สึกว่ารัฐบาลสามารถพลิกเกมสู้ได้ จะเป็นผลทางจิตวิทยา โอกาสที่จะแลนด์สไตล์ของคุณทักษิณน่าจะฝ่อลง แล้วก็ท่านนายกฯเองตัดสินใจในสิ่งที่ คือต้องทำการเมืองต้องตอบสนองอารมณ์ประชาชนได้ ตัดสินใจเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการให้เกิดขึ้นได้ ผมว่าความเชื่อมั่นท่านนายกฯจะกลับมา การประคองรัฐบาลน่าจะกลับมาตั้งหลักได้ ดังนั้นเหตุการณ์ช่วงนี้สำคัญ อภิปรายงบประมาณ การโหวตกฎหมายลูกว่าจะหาร 100 หรือ หาร 500 มันจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นเป็นความเชื่อมั่นระหว่างคุณทักษิณ ฝ่ายค้าน หรือความเชื่อมั่นของฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ อยู่ที่การโหวตสิ่งเหล่านี้ครับ