ช็อคไปทั้งโลก! “ปูติน” แถลงตอกหน้าสุดแสบ เป็นห่วงแท่นพิมพ์สหรัฐฯจะพัง หลังพิมพ์เงินเพิ่มเกือบ 6 ล้านล้านดอลลาร์!?
ล่าสุดทางด้านของ เพจสาธารณะ World Update ได้เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวล่าสุด หลังจากที่ สหรัฐ พิมพ์เงินเพิ่มเข้าระบบ เกือบ 6 ล้านล้านดอลลาห์ รัสเซีย เป็นห่วงว่าแท่นพิมพ์จะพัง โดยมีรายละเอียดว่า
สร้างความช็อคไปทั้งโลก เมื่อนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ออกมายอมรับสารภาพว่า เกิดการคำนวนผิดผลาดครั้งใหญ่ทางนโยบายรัฐบาล ที่มีการทำ QE ทางเศรษฐกิจ สั่งพิมพ์เงินเพิ่มมากถึง 38% หรือกว่า 5.9 ล้านล้านดอลลาร์ (กว่า 200 ล้านล้านบาท) อัดเข้าระบบเงินตราโลก โดยไม่มีทองคำค้ำประกันมูลค่าเงินแม้แต่ออนซ์เดียว ในระยะเวลาแค่ไม่ถึง 2 ปี เป็นการคำนวนผิดพลาดมากที่สุดในรอบ 50 ปี
ส่งผลให้มีเงินส่วนเกินเหลือในระบบเงินตราหมุนเวียนของโลก จนเกิดอัตราเงินเฟ้อสูงในสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น และชาติที่ถือครองดอลลาร์ไว้มาก เป็นต้นเหตุวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลกขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐ ได้พยายามแก้ไขปัญหา “เงินดอลลาร์เฟ้อท่วมโลก” ไม่มีใครต้องการ
ด้วยการประกาศทำ QT ดูดเงินกลับเข้าระบบธนาคารกลางสหรัฐ เดือนละเกือบ 1 แสนล้านล้านดอลลาร์ แล้วลบทำลายทิ้งทางบัญชี และขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็ไม่ช่วยอะไรดีขึ้นได้เลย เงินดอลลาร์กระดาษที่ไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง ยังคงถูกนานาชาติขาดความเชื่อมั่น เทขายทิ้งทุนสำรองดอลลาร์ออก เงินส่วนเกินเหล่านั้นจึงไหลกลับสหรัฐ ตลอดเวลา จนมูลค่าดอลลาร์ในสหรัฐ แทบไม่สามารถแสดงคุณค่าที่แท้จริงได้
ทำให้บริษัท JP Mogan ระบุว่าถ้ารัฐบาลยังไม่หยุดนโยบายที่ผิดพลาด เศรษฐกิจสหรัฐ จะพังทะลายล้มครืนในเวลาไม่นานจากนี้ , ธนาคารยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ คาดว่าอีกไม่เกิน 6 เดือนหน้า ชาวอเมริกัน ชนชั้นกลางแต่ละคนจะไม่มีเงินเหลือเงินติดบัญชีธนาคารสำหรับใช้จ่ายเลย
ด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ระบุว่า “เป็นห่วงแท่นพิมพ์เงินสหรัฐ” และยืนยันอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก สาเหตุเกิดขึ้นมานานเกือบ 2 ปีแล้ว ก่อนที่รัสเซีย เพิ่งจะปฏิบัติการทางทหารในยูเครนได้เพียง 3 เดือน ส่วนสาเหตุของวิกฤตอาหารโลก นั้นเป็นผลพวงต่อเนื่องกันมาเช่นกัน
โดยเขาอธิบายต่อประธานาธิบดี แม็คกี แซลล์ แห่งเซเนกัล ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสหภาพแอฟริกา (AU) ที่เดินทางมาเยือนที่เมืองโซชิ ของรัสเซีย ให้เข้าใจง่ายๆ ว่า ความผิดพลาดนโยบายการเงินสหรัฐ เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 ที่รัฐบาลสหรัฐ ต่อสู้กับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ตามมาจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด และนโยบายการพึ่งพาพลังงานหมุนเวียนและสัญญาก๊าซระยะสั้นของยุโรป ที่ขาดการเตรียมพร้อม สัญญาระยะสั้นมากเกินไป นำไปสู่การขึ้นราคาและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น
เมื่อสหรัฐ ยุโรป ดำเนินนโยบายผิดพลาด จนราคาก๊าซสูงขึ้น ประจวบกับการลงทุนต่ำในภาคพลังงานแบบดั้งเดิม ส่งผลบังคับให้ผู้ผลิตปุ๋ยในชาติตะวันตกจำนวนมากต้องปิดกิจการ เนื่องจากไม่สามารถทำกำไรได้ ผลคือทำให้ปริมาณปุ๋ยลดลง ส่งผลให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นตามมา
สถานการณ์ที่วิกฤติอาหารของโลก ไม่ได้เริ่มเพิ่งก่อร่างขึ้น หรือเริ่มจากที่รัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เพราะสาเหตุเกิดขึ้นมานานเกือบ 2 ปีมาแล้ว แต่สหรัฐ และยุโรป ต้องหาแพะรับบาปในความผิดพลาดของตนเอง “จึงโยนความรับผิดชอบวิกฤติตลาดอาหารโลกให้รัสเซียรับไปแต่เพียงผู้เดียว”
โดยสหรัฐฯ และพันธมิตร สร้างสถานการณ์ขึ้นโดยการคว่ำบาตรรัสเซียและเบลารุส ที่เป็นชาติผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ที่สุดของโลก ทำให้เรือขนส่งสินค้าอาหาร และปุ๋ยของรัสเซีย ไปเทียบท่าในสหรัฐ ยุโรป และชาติพันธมิตรไม่ได้ ขนสินค้าไปส่งให้ไม่ได้ ทำให้เกิดวิกฤตอาหารรุนแรงขึ้น และขนส่งปุ๋ยไปยังชาติที่ไม่เป็นมิตรต่อรัสเซียไม่ได้ ส่งผลกระทบให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นไปอีก
ซึ่งล้วนเป็นผลมาจากความผิดพลาดด้านนโยบายของสหรัฐ และสหภาพยุโรป ที่มีประชากรแค่ 1 ส่วน แต่ทำให้ชาวโลกอีก 6 ส่วนเดือดร้อน , ประธานสหภาพแอฟริกา (AU) ระบุว่าทวีปแอฟริกานำเข้าข้าวสาลีจากรัสเซียและยูเครนรวมกันกว่า 40% ของข้าวสาลีทั้งหมดที่บริโภคในทวีปแอฟริกา และมี 30 ประเทศทั่วโลกงดส่งออกอาหาร แต่เก็บไว้ให้พลเมืองตนเอง
ส่งผลให้แอฟริกาได้รับผลกระทบทำให้ประเทศช้าด ถึงกับต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติอาหารขาดแคลน และ 1 ใน 3 ของชาวชาด จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด้านอาหาร ด้านผู้นำรัสเซีย ระบุว่า รัสเซีย มีผลผลิตธัญพืชมากเหลือเฟือ พร้อมที่จะเพิ่มการส่งออกมากถึง 50 ล้านตัน ยินดีจะช่วยเหลือชาวแอฟริกาที่หิวโหย คลี่คลายความทุกข์ทรมานจากอาหารนี้
ผู้นำรัสเซียได้ให้สัญญาว่า จะส่งออกข้าวสาลีและปุ๋ยของรัสเซียเอง ให้แก่แอฟริกา พร้อมจะผ่อนคลายการส่งออกธัญพืชของยูเครน เพื่อช่วยแก้ปัญหาวิกฤติอาหารโลก ที่ส่งผลกระทบกับทวีปแอฟริกาอย่างจัง อีกทั้งให้คำแนะนำง่ายๆ ว่ามีหลายวิธีในการขนส่งเมล็ดพืชออกจากยูเครน ผ่านทางเบลารุส
โดยชาติที่ไม่เป็นมิตรยกเลิกการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย และเบลารุส แค่นี้ก็ส่งออกธัญพืชผ่านเบลารุสได้แล้ว ส่วนธัญพืชที่ตกค้าง ทางยูเครนก็แค่ปลดกับระเบิดที่ท่าเรือ ที่รัสเซียยังไม่ได้ยึด แล้วปล่อยเรือสินค้าต่างชาติที่ยูเครนยึดไว้เป็นตัวประกัน ออกจากทะเลดำ ที่อยู่ในความควบคุมของรัสเซียได้..
สรุป สหรัฐ ผิดพลาดที่พิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาจนแท่นพิมพ์จะพัง เงินล้นก็เกิดเงินเฟ้อ ลงทุนต่ำด้านพลังงานจนไม่มีปุ๋ยที่เป็นกากของเหลือการแปรรูปพลังงาน ก็เกิดราคาอาหารแพง และคว่ำบาตรเรือสินค้ารัสเซีย และเบลารุส จึงไปส่งอาหารให้ประชากรสหรัฐ พันธมิตร 1 ส่วนของโลกไม่ได้ แต่สามารถส่งให้ประชากรทวีปอื่นได้ 6 ส่วนของโลก..สหรัฐ ยุโรป อดอาหารกันต่อไป ชาวแอฟริกาอิ่มอาหาร ชนะแน่นอน