จากที่นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ รวมทั้งสั่งชะลอการบินเข้าประเทศ แต่ล่าสุดเกิดเหตุที่สนามบิน มีต่อต้านกักตัว ทำให้กังวลเรื่องนี้จะเป็นแหล่งแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 อย่งาสนามมวยหรือไม่???
โดยเมื่อวานนี้(3 เม.ย.63) มีรายงานในช่วงเย็นที่ผ่านมาบรรยากาศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น หลังจากมีเที่ยวบินผู้โดยสารจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และผู้โดยสารรวมแล้วกว่า 100 คน จะต้องเข้าสู่มาตรการกักตัว ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และประกาศของสำนักงานการบินพลเรือน หรือ กพท. โดยจะต้องนำผู้โดยสารเหล่านี้ ไปกักตัวในสถานที่ ที่กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานด้านความมั่นคงเตรียมไว้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ตามผู้โดยสารกลุ่มนี้ได้ปฏิเสธ ที่จะเข้าสู่กระบวนการกักตัวในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และเกิดโต้เถียงกันยืดเยื้อนานกว่า 4 ชั่วโมง ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป และเกิดความตึงเครียดขึ้น โดยกลุ่มผู้โดยสารระบุว่าไม่ทราบประกาศเรื่องของการกักตัวผู้โดยสารที่เดินทางมาถึงประเทศไทยทุกเที่ยวบิน
ขณะมีผู้โดยสารบางส่วนได้ เดินทางออกไปจากสนามบินได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอยู่ระหว่างตามตัวให้ผู้โดยสารเหล่านี้กลับมาเข้าสู่กระบวนการกักตัว เพราะไม่เช่นนั้นก็จะทำให้ผู้โดยสารกลุ่มอื่น ที่เดินทางมา และต้องยอมรับมาตรการการกักตัวที่ภาครัฐประกาศไว้ เหมือนได้รับการเลือกปฏิบัติ ขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขก็มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19
ล่าสุดวันนี้(4 เม.ย.63) แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีที่เกิดขึ้นในการป้องแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องกักตัวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของสถานการณ์โรคที่ต้องติดตาม ที่สำคัญทุกคนต้องระมัดระวังตัวให้มากเพราะไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหนบ้าง
ในอีกด้านนั้น คือสิ่งที่สะท้อนประเด็นสำคัญในการบริหารสถานการณ์วิกฤติคือเรื่องภาวะผู้นำที่ผู้รับผิดชอบในทุกระดับต้องมีความสามารถในการ Command คือสั่งการ Control คือควบคุมงาน Coordinate คือการประสานแก้ปัญหา เพื่อให้งานเป็นไปตามนโยบาย นายกฯออกคำสั่งใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เต็มพื้นที่ประเทศ มีรายละเอียดมากมาย แต่หน่วยงานต่างๆนำไปสั่งการและปฏิบัติได้ขนาดไหน ดูจากเรื่องที่ผู้โดยสารต่อต้านไม่ทำตามกฎหมายโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น รวมทั้งวิธีการกักตัว 14 วันที่น่าจะกลายเป็นการแพร่เชื้อโควิด-19 มากกว่า
อีกประเด็นปัญหาที่สำคัญคือระบบการสั่งการ บุคคลจากต่างหน่วยงานจะฟังคำสั่งใคร สิ่งที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่านายทหารไม่ฟังเจ้าหน้าที่สาธารณสุข สถานการณ์โรคโควิด-19 ครั้งนี้ใหญ่หลวงที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ง่าย เรามีเหตุการณ์การกระจายเชื้อโรคที่ไม่คาดคิดมาหลายเหตุการณ์คือสนามมวย การสังสรรค์ในผับ การไปปฏิบัติศาสนกิจที่มาเลย์อินโด ที่เพิ่มความรุนแรงของการกระจายโรคมาแล้ว และเที่ยวบินที่พาคนไทยกลับจากประเทศเสี่ยงที่ต่อต้านการบังคับใช้กฎหมายครั้งนี้จะกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อใหญ่อีกครั้ง
ยังมีคนไทยจำนวนมากที่ไม่เข้าใจสถานการณ์โรคโควิด-19 มีทั้งแกล้งไม่เข้าใจ มีทั้งไม่ใส่ใจ และมีทั้งตั้งใจต่อต้าน อย่าเอาแต่ด่าหรือตำหนิ สังคมปล่อยให้มีคนแบบนี้มานานมากแล้ว เราทุกคนต้องมีสติรู้จักป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง ติดตามสถานการณ์โรคอย่างใกล้ชิดกันต่อไป