ก้าวไปด้วยกัน!!บิ๊กตู่กำชับเร่งสถานีรถไฟอุดรฯ-หนองคาย หลังเอ็มโอยู ๓ ฉบับ ยกระดับหุ้นส่วนยุทธศาสตร์สปป.ลาว

0

นายกฯ แถลงข่าวร่วม นายกฯ สปป.ลาว เปิดศักราชใหม่ ยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน”กรอบ ๕ ปี พร้อมเร่งรัดความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ได้กำชับทุกฝ่ายเร่งพัฒนาพื้นที่สถานีรถไฟอุดรธานี-หนองคาย เชื่อมโยงรองรับการส่งออกสินค้าผ่านเส้นทางรถไฟความเร็วสูง สปป.ลาว-จีน ให้มีประสิทธิภาพ

วันที่ ๒ มิ.ย.๒๕๖๕ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามและกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาโลจิสติกส์ระบบรางของไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ย่านสถานีรถไฟอุดรธานี-หนองคายที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการส่งออกแห่งใหม่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้การขนส่ง เกิดความก้าวหน้า มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์การใช้งานของประชาชนมากที่สุด โดยเฉพาะด้านการนำเข้า-ส่งออกสินค้าทางการเกษตรของผู้ประกอบการไทยที่กำลังได้รับความนิยมในภูมิภาค 

จากภาพรวมอัตราการส่งออกของไทยระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน๒๕๖๕ ที่ผ่านมาขยายตัวสูงกว่า ๑๓.๗ % รวมมูลค่า ๙๗,๑๒๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ สินค้าการเกษตร สินค้าเกษตรอุตสาหกรรม และสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งการส่งออกสินค้าทางการเกษตรของไทยยังคงครองตลาดในจีนต่อเนื่อง อาทิ ทุเรียนหมอนทอง หมอนยางพารา ผ้าไหมไทย ข้าวมอลต์ ยางมะตอย เม็ดพลาสติก และอาหารไทยชนิดต่าง ๆ เป็นต้น

“จากความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกัน พร้อมกับที่รถไฟความเร็วสูงระหว่าง สปป.ลาว-จีน ได้เปิดให้ใช้บริการแล้ว จึงเป็นโอกาสของไทยในการพัฒนาระบบการขนส่งทางรางให้มีประสิทธิภาพ เอื้อต่อการส่งออกสินค้าผ่านรถไฟจากไทยไปจีนยิ่งขึ้น ขณะนี้การขนส่งทางรถไฟความเร็วสูงจึงเป็นทางเลือกใหม่ที่คุ้มค่า”

นายธนกรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกฯ ติดตามและสนับสนุนการส่งออกสินค้าไทยออกสู่ตลาดโลก อีกทั้งมุ่งมั่นเสริมสร้างศักยภาพระบบโลจิสติกส์ไทยให้ก้าวหน้าและพร้อมสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในอนาคต รวมทั้งขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาและหามาตรการรองรับอย่างต่อเนื่อง และขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมบูรณาการการทำงานให้สอดคล้องตามแนวนโยบายทางการค้าและยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งอย่างเคร่งครัด มีประสิทธิภาพ และให้เกิดเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น 

โดยนายพันคำ วิพาวัน (H.E. Mr. Phankham Viphavanh) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  ได้เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลระหว่างวันที่ ๑-๒ มิถุนายน ๒๕๖๕ นี้ จึงเป็นโอกาสให้ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้ร่วมหารือในประเด็นนี้ โดยได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมและเพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ

นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนาม “แผนปฏิบัติการว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย – สปป. ลาว เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ระยะ ๕ ปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๙” และร่วมเป็นสักขีพยานการแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับลาว ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาไฟฟ้าใน สปป. ลาว ฉบับปี ค.ศ. ๒๐๒๒

รวมถึงการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับลาว ว่าด้วยโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย – ลาว นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียินดีสนับสนุนการก่อสร้างศูนย์พัฒนาสังคมมิตรภาพไทย – ลาวเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์แบบครบวงจร ที่เมืองไซทานี นครหลวงเวียงจันทน์ด้วย ในระหว่างการหารือ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและมุมมองคลอบคลุมในทุกมิติ โดยมีผลลัพธ์สำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองประเทศ มีดังนี้

ทางด้านเศรษฐกิจ 

๑.ไทยและ สปป.ลาว พร้อมเดินหน้าฟื้นฟูวิถีชีวิตของประชาชนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจบริเวณพื้นที่ชายแดนให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว

๒.การเร่งรัดฟื้นฟูการท่องเที่ยวเพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชน โดยไทยพร้อมสนับสนุน สปป.ลาว ในการก่อสร้างสะพานเชียงแมน – หลวงพระบาง เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัน

๓.การเร่งรัดและขยายการเชื่อมโยงด้านคมนาคมขนส่งระหว่างกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเชื่อมต่อระบบรางของทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากโครงการรถไฟลาว – จีน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกันแบบ win-win  

๔.เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และประสานมาตรฐานและกฎระเบียบต่าง ๆ  

๕.กระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลซึ่งมีความสำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ ซึ่งไทยพร้อมสนับสนุน สปป.ลาว ในการพัฒนาทักษะและขีดความสามารถของบุคลากรในด้านดิจิทัล และพัฒนาระบบการชำระเงินระหว่างประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเพิ่มร่วมมือด้านพลังงานสะอาดมากขึ้น

ทางด้านความมั่นคง

ไทยและ สปป.ลาว เห็นพ้องเพิ่มความเข้มงวดการลาดตระเวนตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย และกระชับความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งไทยพร้อมสนับสนุน สปป. ลาวในการขยายผลการจับกุมและการมอบอุปกรณ์สืบสวนสอบสวนที่ทันสมัย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายพร้อมร่วมมือกันแก้ไขปัญหาแก๊ง call center และปัญหาค้ามนุษย์อย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนของทั้งสองฝ่ายได้รับความเดือดร้อน

ด้านความสัมพันธ์ระดับประชาชน

ถือเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศในทุกด้าน โดยทั้งสองฝ่ายพร้อมสานต่อความร่วมมือเพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะระหว่างโรงพยาบาลตามแนวจังหวัดกับแขวงชายแดน ความร่วมมือด้านการเกษตร และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยรัฐบาลไทยพร้อมมอบทุนการศึกษาในระดับปริญญาตรี โท และเอก แก่เยาวชน สปป.ลาว รวมกว่า ๗๐๐ ทุน ซึ่งจะเป็นโอกาสให้เยาวชนของทั้งสองประเทศใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเห็นพ้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในด้านสื่อมวลชน เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างกันประชาชน

ความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาค

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ไทยและ สปป. ลาว จำเป็นต้องประสานท่าทีและร่วมมือกันใกล้ชิดยิ่งขึ้นทั้งในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาค เพื่อรับมือกับความท้าทายทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยไทยพร้อมสนับสนุน สปป. ลาว ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำ ACMECS ครั้งที่ ๑๐ ในปีนี้อย่างเต็มที่ เพื่อผนึกกำลังของประเทศในอนุภูมิภาคในการผลักดันการฟื้นฟูอย่างมั่นคงและยั่งยืน

นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศพร้อมร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อส่งเสริมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียน และเพื่อให้อาเซียนคงบทบาทที่สำคัญในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาของภูมิภาค