ในขณะที่สหรัฐและยุโรปกำลังสาละวนกับการคว่ำบาตรรัสเซียไปพร้อมๆกับเผชิญ วิกฤตเงินเฟ้อ ปักกิ่งกลับสั่งให้ธนาคารของรัฐตั้งวงเงินสินเชื่อ ๘ แสนล้านหยวน หรือ ๑.๒ แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน และเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการผลิต การประกาศดังกล่าวจัดทำขึ้นในการประชุมสภาแห่งรัฐซึ่งมีนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงเป็นประธาน มีมติจัดหาเงินทุนสำหรับค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากในปีนี้ ด้านBloomberg Economics ประมาณการว่าการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของจีนในปี ๒๕๖๔ ก็มากอยู่แล้วอยู่ที่ ๒๓ ล้านล้านหยวน ผู้ให้กู้นโยบายรายใหญ่ คือ China Development Bank นั่นคือกู้ตัวเองไม่ได้กู้ต่างประเทศ พร้อมทั้งลดดอกเบี้ยนโยบายก่อนหน้านี้ สวนทางสหรัฐและตะวันตกที่ประกาศขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อกระฉูด และทำQT ถอนเงินจากระบบเดือนละหลายหมื่นล้าน ขณะเดียวกับที่เงินสำรองต่างประเทศในรูปเงินหยวนก็เป็นที่สนใจของนานาชาติเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์กว่า ๑,๐๐๐%ด้วย สะท้อนความแข็งแกร่งพื้นฐานเศรษฐกิจของจีนอย่างชัดเจน
ล่าสุดเพจสาธารณะ World Maker รายงานไว้น่าสนใจมีรายละเอียดดังนี้:
รัฐบาลจีนประกาศตั้งวงเงินสินเชื่อ ๑.๒ แสนล้านดอลลาร์หรือกว่า ๔ ล้านล้านบาท !! เพื่อกระตุ้นการเติบโตของ ‘โครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะ’ งานนี้ต้องมาลุ้นกันว่าแดนมังกรจะได้เฉิดฉายแสงหรือไม่กับนโยบายสวนโลกที่ FED เริ่มทำ QT !
ล่าสุดจัดเต็มกันอีกแล้วสำหรับประเทศจีน เรียกได้ว่าสวนโลกกันตรง ๆ ไม่มีอ้อมค้อม !! รัฐบาลปักกิ่งประกาศสั่งให้ธนาคารต่าง ๆ จัดตั้งวงเงินสินเชื่อ ๑.๒ แสนล้านดอลลาร์หรือ ๘ แสนล้านหยวนหรือกว่า ๔ ล้านล้านบาท ! เพื่อกระตุ้น Infrastructure ของประเทศโดยเฉพาะ !
ทางสื่อระดับโลกอย่าง Bloomberg ประมาณการเอาไว้ในปี ๒๐๒๑ ว่ารัฐบาลจีนใช้เงินกระตุ้นโครงสร้างพื้นฐานสูงถึง ๒๓ ล้านล้านหยวนหรือเกือบ ๑๒๐ ล้านล้านบาท
และในปีนี้รัฐบาลจีนได้เดินหน้าอย่างจริงจังอีกครั้ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากมองในแง่ของเศรษฐศาสตร์แล้วถือว่าน่าสนใจมาก ๆ เพราะการอัดฉีดครั้งนี้เป็นการเดินสวนโลกกับ FED ที่เริ่มทำ QT ในเดือนนี้ ! งานนี้ถ้าไม่มั่นใจว่ารวยจริง ถ้าในมือมีเงินไม่มากพอจริง ทำไม่ได้ !
ที่น่าสังเกตคือ หากมองเฉพาะในปีนี้ นโยบายอัดฉีดของจีนมีการมุ่งเน้นไปที่ ‘ตัวบริษัท’ มากกว่าภาคครัวเรือน แม้ว่านโยบายเสาหลักจะยังคงเป็นผลประโยชน์ของประชาชนอยู่ก็ตาม
พรรคคอมมิวนิสต์จีนประกาศให้คำมั่นที่จะสนับสนุนทางการเงินกับ Platform Internet ที่พึ่งถูกยกระดับโดยการปราบปรามครั้งใหญ่ไป เน้นย้ำว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งคือการเปิดตัว Digital Yuan พร้อม ๆ กับ Fintech ของจีน ซึ่งในอนาคตมาแน่ไม่ต้องลุ้น แค่รอเท่านั้น !
นอกจากนี้ หน่วยงานระดับสูงของรัฐบาลจีน ยังระบุอีกว่าควรมีมาตรการสนับสนุนที่ตรงจุดสำหรับผู้ที่ตกงานหรือมีรายได้ต่ำ รวมทั้งการเพิ่มเงินบำนาญและแจกจ่ายเงินอุดหนุนให้กับแรงงานข้ามชาติบางกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงใหญ่ที่เราจะต้องจับตามองคือภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่กำลังหดตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งตอนนี้กำลังเข้าสู่การปรับโครงสร้างพื้นฐานอย่างเงียบ ๆ และรอวันประกาศข่าวอีกครั้งทีเดียวเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น
มารอดูกันว่านโยบายสวนโลกของเฮียสีจะสามารถทำให้แดนมังกรเฉิดฉายแสงในยุค New World Order ได้หรือไม่ ? งานนี้บอกเลยว่าน่าจะเป็นการเดินหมากครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ ๑๐๐ ปีของจีน !
เรียกว่าเป็นการหนุนธุรกิจรายใหญ่ให้ขับเคลื่อนกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาพรวมสำหรับรายกลางและรายย่อย จีนได้ประกาศขยายโครงการหนี้ต่างประเทศสำหรับบริษัทไฮเทคขนาดเล็ก เพื่อผลักดันเสถียรภาพเศรษฐกิจอีกด้วย
ประเด็นนี้สำนักข่าวโกลบัลไทมส์ได้รายงานถึง หน่วยการบริหารการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของรัฐ ที่เรียกว่าหน่วยเซฟหรือ เอสเอเอฟอี (SAFE) เป็นหน่วยงานกำกับดูแลอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศ ประกาศเมื่อวันอังคารที่ ๓๑ พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ทางการจีนได้ขยายโครงการการจัดหาเงินทุนข้ามพรมแดนสำหรับบริษัทไฮเทคขนาดเล็ก ในการผลักดันครั้งล่าสุดเพื่อหนุนเศรษฐกิจท่ามกลางผลกระทบจาก COVID-๑๙
โครงการนำร่องที่อนุญาตให้บริษัทไฮเทคขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อมเข้าถึงหนี้ต่างประเทศจะครอบคลุมอีก ๘ เมือง รวมถึงเทศบาลเทียนจินและมณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน ทำให้จำนวนภูมิภาคทั้งหมดที่เข้าถึงการทดลองได้เป็น ๑๗ แห่ง ตามประกาศ SAFE จะมีผลในทันที
นอกเหนือจากบริษัทที่จัดประเภทเป็นธุรกิจไฮเทคแล้ว บริษัทที่ตกอยู่ภายใต้การผลักดันของประเทศ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งผ่านการกลั่นกรอง แม้เป็นรายใหม่ก็จะมีสิทธิ์ได้รับเงินกู้จากต่างประเทศด้วย