สืบเนื่องจากกรณีที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนใจ หันมาตกลงมอบระบบจรวดล้ำสมัยแก่ยูเครน ซึ่งมีศักยภาพโจมตีเป้าหมายรัสเซียที่อยู่ในระยะไกลได้อย่างแม่นยำ ส่วนหนึ่งในแพ็คเกจอาวุธ 700 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางการจับตามองว่า ยูเครนจะต้องส่งข้าวสาลีตามที่สหรัฐฯร้องขอ เพื่อแลกเปลี่ยนอาวุธได้หรือไม่ หากต้องผ่านความเห็นชอบจากรัสเซีย ซึ่งดูท่าแล้ว งานนี้ยูเครนอาจจะมีความยากลำบากเพิ่มขึ้น
ล่าสุดทางด้านนายเซอร์เก รยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ได้ออกมากล่าวกับสำนักข่าวรัสเซียว่า ความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐต่อยูเครน เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุมีผล เสบียงอาวุธใด ๆ ก็ตาม ที่ยังมีการส่งมอบต่อไปและเป็นอาวุธที่ทวีความรุนแรงขึ้น จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างรัสเซียและสหรัฐ และสิ่งนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์โดยพื้นฐานแต่อย่างใด
ความเห็นของรยาบคอฟเกิดขึ้นเนื่องจาก สหรัฐได้ตัดสินใจที่จะจัดส่งระบบจรวดหลายลำกล้อง (หรือ HIMARS) ให้กับยูเครน ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถโจมตีเป้าหมายระยะไกลได้อย่างแม่นยำ ทั้งนี้ สหรัฐจะรวมระบบจรวดนี้ไว้ในแพคเกจความช่วยเหลือทางทหารมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ชี้แจงก่อนหน้าว่า การที่สหรัฐส่งอาวุธและกระสุนจำนวนมากไปยังยูเครน ก็เพื่อให้ยูเครนสามารถสู้ในสนามรบ และอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เมื่ออยู่บนโต๊ะเจรจา
ขณะที่ทางด้านนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ ก็ได้กล่าวถึงประเด็นนี้เช่นกันว่า ยูเครนให้คำรับรองกับสหรัฐว่าจะไม่ใช้ระบบเหล่านี้โจมตีเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ทั้งนี้ สหรัฐได้ยืนยันว่า ไม่อนุญาตให้ยูเครนใช้ระบบจรวดที่ส่งให้ ไปใช้ในการโจมตีรัสเซีย บลิงเคนยังได้ตอบกลับความเห็นของรัสเซียที่เตือนเรื่องการเผชิญหน้าว่า วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงการยกระดับคือรัสเซียต้องยุติการโจมตียูเครน