ยังคงสร้างแรงสั่นสะเทือนมิหยุดหย่อน!!! หลังเพิ่งคลอดออกมาได้เพียงไม่กี่วัน สำหรับสถาบันทิศทางไทย โดยหลังจากเปิดตัว พลัน!!!ที่ข่าวสารได้เผยแพร่ออกไป อีกฝ่ายก็ดาหน้าโจมตีอย่างหนักหน่วงด้วยอวตารถล่มเพจ และนอกวงสังคมโซเชียลฯก็มีการหยิบยกเรื่องสถาบันทิศทางไทยไปวิพากษ์วิจารณ์!?!
แต่เชื่อหรือไม่ว่า?!? บรรดาผู้คนเหล่านั้นแทบไม่มีใครเลยที่ได้ศึกษาข้อมูล แนวทางอันเป็นสาระสำคัญที่สถาบันทิศทางไทยสร้างคิดออกมา พูดให้ชัดไปกว่านั้นก็คือว่า ในบรรดาผู้คนที่วิพากษ์โจมตีไม่ได้หยิบเอาเนื้อหา แก่นความคิดมาวิจารณ์ พวกเขาทำได้เพียงไปอ้างอิงถึงบุคคลที่มาร่วมงานเปิดตัวโดยไม่ได้สนใจถึงสาระสำคัญของสถาบันทิศทางไทยว่าต้องการให้อะไรแก่สังคม!?!
ฉะนั้นจะมองไปได้หรือไม่ว่า ฝ่ายตรงข้ามเกิดความขลาดกลัวในการถือกำเนิดขึ้นของสถาบันทิศทางไทย ซึ่งเรื่องนี้ ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย และอดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้พูดเอาไว้ค่อนข้างสอดคล้องกับข้อสังเกตุข้างต้นว่า
ทำไมทางนั้นถึงกลัวการมีอยู่ของสถาบันทิศทางไทย / สุวินัย ภรณวลัย
“ดูเหมือนทางนั้นจะกลัวการมีอยู่ของสถาบันทิศทางไทยมากนะครับ”
ผมได้ยินเสียงสะท้อนแบบนั้นหลังไมค์จากเพื่อนนักวิชาการที่ถนัดโซเชียลและร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทยมาด้วยกัน
ถ้ากลัว เพราะ “ทางนี้” กระโจนเข้ามาต่อสู้ทางความคิดอย่างจัดตั้งเป็นองค์กรและเครือข่าย ซึ่งเป็นสนามรบ ที่”ทางนั้น” เคยผูกขาดอิทธิพลทางความคิดมาอย่างยาวนาน … ก็มีเหตุผลให้ต้องกลัวอย่างแน่นอน
เพราะ มวลชนมีทางเลือกมากขึ้นในการรับฟังข้อมูล ชุดความคิดความเชื่อที่หลากหลายขึ้น
“ตลาดความคิดเพื่อครอบงำจิตใจมวลชน” จะไม่ใช่ตลาดผูกขาดของ “ทางนั้น” เหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว … ทั้งที่ตลาดความคิดนี้เป็นตลาดเดียวที่ “ทางนั้น” มีพลังอำนาจแบบอ่อนเหนือกว่า “ทางนี้” อย่างชัดเจนในช่วงเวลาสิบปีที่ผ่านมา
“เวลาเป็นของพวกเรา” ที่ “ทางนั้น”ได้ชูเป็นสโลแกนปลอบใจตัวเองมาโดนตลอด อาจไม่ใช่เช่นนั้นในอนาคตแห่งยุคข้อมูลนิยม (Dataism)
ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายไหน ปรับตัวได้ก่อน มีความสามารถในเชิงปฏิบัตินิยมมากกว่า และมีความกล้าในการคิดนอกกรอบกับเป็นตัวของตัวเองจนสามารถหลุดจากกรอบความคิดแบบตะวันตกได้มากกว่ากัน … ก็เป็นได้
นั่นคือข้องสังเกตุที่ว่าของอาจารย์สุวินัย ซึ่งมิได้มองหรือคิดแบบเข้าข้างตัวเองหรอก!!! เพียงแต่ได้รับทราบ รับรู้มาจากข้อมูลจริง!!! ดังนั้นแล้วจึงอยากนำแนวทางของสถาบันทิศทางไทย11 ประการมาบอกกล่าว เปิดกะโหลกอีกฝ่าย เผื่อว่าข้อมูลเนื้อหาสาระนี้จะซึมเข้าสมองบ้างสักเล็กน้อยก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว?!?
แนวทางและแกนความคิดของสถาบันทิศทางไทย ซึ่งเป็นแนวทางสร้างทิศทางใหม่ 11 ประการ โดยสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรมและดร.สุวินัย ภรณวลัย
แนวทางการสร้างทิศทางไทยใหม่ด้วย “เรื่องเล่าใหม่” ที่เกี่ยวกับแกนความคิด 11 ประการที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่เคยรู้มาก่อน หรือเคยได้ยินแต่ไม่ให้ความสนใจหรือตระหนักรู้
(1) จำนวนคนทั้งโลกจะเพิ่มมากขึ้นในอีกสามสิบปีข้างหน้าแตะหนึ่งหมื่นล้านคน ทำให้เกิดปัญหา วิกฤตอาหารและวิกฤตสิ่งแวดล้อม ขณะที่จำนวนประชากรคนไทยจะลดลง เราควรวางแผนล่วงหน้ารับมืออย่างไร ?
(2) วิกฤตสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากโลกร้อน แกนโลกเปลี่ยน และการพังทลายของระบบนิเวศจะทำให้โลกอีกสามสิบปีข้างหน้าเป็นอย่างไร และเราควรวางแผนอย่างไร ?
(3) การชี้นำโลกของสหรัฐอเมริกา โดยการสร้างลัทธิประชาธิปไตยภายใต้แนวทางเสรีนิยมต่างๆ เพื่อครอบงำทางวัฒนธรรม ทางความคิด ลงสู่การค้าและการยึดครองโลก ใครขวางทำลายหมด เป็นการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม (แต่เค้าอ้างว่าเท่าเทียม) มีข้อเท็จจริงมากมายที่คนไทยทั้งประเทศควรรับรู้
(4) การครอบงำโลกด้วยอำนาจทางการเงินและการยึดครองโลกผ่านนโยบายเสรีทางการเงิน จนเกือบยึดประเทศไทยไปแล้วเมื่อปี 2540 ตอนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง มีบทเรียนรูปธรรมมากมาย
(5) มายาของลัทธิประชาธิปไตยที่ไม่มีอยู่จริง โลกตะวันตกสร้างลัทธิประชาธิปไตยนี้ขึ้นแล้วออกยึดครองล่าอาณานิคมทั่วโลก ประเทศไทยเราเองเคยเสียดินแดนไปแล้วถึง 14 ครั้งก็เพราะลัทธิล่าอาณานิคมนี้ที่มักอ้างเรื่องเล่า “การทำให้เป็นประชาธิปไตย” มาสร้างความชอบธรรมให้แก่การยึดครองโลกของมหาอำนาจ
(6) ในอดีตคนไทยไปเรียนเมืองนอกเห็นแต่เปลือกไปลอกเขามา(อย่างคณะราษฎร) ได้ทำการเปลี่ยนแปลงประเทศโดยทิ้งกากเดนอันเลวร้ายให้แก่ประเทศไทยมาจนถึงทุกวันนี้
(7) สถาบันพระมหากษัตริย์กับการรักษาชาติและการถูกคุกคามจากฝ่ายการเมืองในอดีตที่ผ่านมา เราควรรับมืออย่างไร ?
(8) สงครามโลกครั้งที่สามที่จะเกิดขึ้นจากมหาอำนาจ เราควรรับมืออย่างไร ?
(9) แนวทางที่ไทยควรเดินตามแนวพระราชดำริ ลงสู่แนวคิดเงินทองของมายา(แต่ต้องหา) ข้าวปลาคือของจริง โดยการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลมารับใช้
(10) วิธีการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้คนอาชีพต่างๆ
(11) คนไทยควรยกระดับจิตและจิตสำนึกในระดับปัจเจกและในระดับรวมหมู่อย่างไร เพื่อผลักดันวิวัฒนาการของสังคมไทยอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน ?
ข้างต้นเป็นหลักสูตรพื้นฐานที่ทุกกลุ่มที่มาอบรมกับสถาบันทิศทางไทยต้องเรียน
รายละเอียดของแต่ละอาชีพเป็นหลักสูตรเสริมแต่ละกลุ่มเป็นข้อมูลที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อน
ชาวนา ทำไมขายข้าวได้ต่ำ เอาข้อเท็จจริงทั้งหมดให้พวกเขาเห็นภาพรวม
ผู้ใช้แรงงานภาคเอกชนที่จะได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีดิจิตอล และแนวทางพัฒนาวิชาชีพเพื่อการเพิ่มค่าแรง เพราะแรงงานพื้นฐานเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
แรงงานรัฐวิสาหกิจการยกระดับความคิดเรื่องการปรับตัวให้แข่งขันได้และอยู่รอดเพื่อการบริการประชาชนที่ดีขึ้นและเค้ามีชีวิตที่ดีขึ้น
ครูอาจารย์ในแนวทางยกระดับความคิดนักเรียนนักศึกษาให้คิดเป็นไม่ใช่สอนให้จำแบบเดิม
คนรุ่นใหม่ที่จะทำมาหากินโดยยืนบนขาตัวเองตั้งแต่กลับไปทำนา จนถึงการค้าขายข้ามชาติด้วยดิจิตอล
ผู้ปฏิบัติงานพรรคการเมือง ต้องรู้เรื่อง กฏหมายรัฐธรรมนูญ กฏหมายพรรคการเมือง ฯลฯ การจัดตั้งสมาชิกอย่างเข้มข้น การขยายผลประชาสัมพันธ์ด้วยดิจิตอล
สื่อทั้งหลายที่เป็นพันธมิตรกับสถาบันทิศทางไทยต้องช่วยกันผลิตซ้ำและขยายความ “เรื่องเล่าใหม่” ที่เกี่ยวกับแกนความคิด 11 ประการนี้ลงไปสู่คนไทยทุกกลุ่ม ทุกวัยหลังจากนี้ให้จงได้
เป้าหมายของสถาบันทิศทางไทยคือการสร้างผู้นำสังคมทุกกลุ่ม ทุกวัยให้มีความคิดใหม่และมีสัมมาทิฐิ
นั่นคือแก่นสารของทิศทางใหม่ที่ทิศทางไทยได้นำเสนอต่อสังคม ซึ่งหากยอมเปิดใจรับข้อมูล หรือรับฟังกันก่อนที่จะออกมาโวยวาย วิพากษ์วิจารณ์แบบมั่วๆ มันจะไม่ต่างไปจากการโจมตีที่ไม่เป็นสาระซึ่งต้องบอกว่ามีมาตลอด กับการไม่อ่านไม่ศึกษาข้อมูลเนื้อหา ดังนั้นจึงอยากให้ดู11 แนวทางนี้ก่อนแล้วค่อยกลับมาถกเถียงกัน สำหรับเพื่อประเทศชาติก็ยังไม่สายเกินไป!?!