การประชุมสุดยอดที่กำลังจะเกิดขึ้นของอเมริกา อาจล้มคว่ำสร้างความอับอายให้ปธน.ไบเดนได้ เพราะกลุ่มประเทศละตินอเมริกาหลายประเทศประกาศ ปฏิเสธเข้าร่วมประชุมสุดยอด เป็นการไม่ยอมรับอำนาจของสหรัฐฯ ในละตินอเมริกาอีกต่อไป นักวิชาการชาวบราซิลวิเคราะห์ไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ขณะที่แมกซิโกที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านติดชา่ยแดน มีปฏิกิริยาแรง รวมทั้งบราซิลก็ยังแทงกั๊กแต่ก็มีแนวโน้มตามกระแสเพราะมีความไม่พอใจนโยบายต่างประเทสของสหรัฐไม่น้อย นอกจากประกาศเทการประชุมยังวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐแบบจัดเต็ม ดูเหมือนว่าอำนาจบารมีของสหรัฐนับวันเสื่อมถอยในหลังบ้านตัวเอง ซึ่งหันหน้าไปซบรัสเซียมากขึ้น
วันที่ 31 พ.ค.2565 สำนักข่าวสปุ๊ตนิก รายงานถึงการประชุมสุดยอดแห่งอเมริกาครั้งที่ 9 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ลอสแองเจลิสในต้นเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ กำลังจะจบลงด้วยความอับอายของประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังจากที่วอชิงตันตัดคิวบา- เวเนซุเอลา และนิการากัวออกจากรายชื่อแขกรับเชิญก่อผลสะเทือนอย่างไม่คาดคิด
การประชุม SOA หรือ Summit of the Americas ครั้งที่ 9 มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 6-10 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ในเมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย จะมีการประชุมในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การประชุมในปี 1994 ที่ไมอามี อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เห็นได้ปรากฎชัดว่าจะไม่เชิญคิวบา เวเนซุเอลา และนิการากัวเข่้าร่วมเพราะ ไม่ตอบสนองข้อเรียกร้องสหรัฐให้ประณามรัสเซีย และคว่ำบาตรรัสเซีย กลับยังเดินหน้าสานสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงกับรัสเซีย
ส่งผลให้ปธน.เม็กซิโก อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ (Andrés Manuel López Obrador) ส่งสัญญาณว่าเขาจะไม่มาประชุมสุดยอดครั้งนี้ ประธานาธิบดี หลุยส์ อาร์เช แห่งโบลิเวียเดินตามรอยโอบราดอร์ โดยกล่าวว่าเขาจะคว่ำบาตรงานหากไม่ได้เชิญผู้นำคิวบา เวเนซุเอลา และนิการากัว ถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่น่าละอาย
ประธานาธิบดี เซียมารา คาสโตร เดอ เซลายา (Xiomara Castro de Zelaya) ของฮอนดูรัสกล่าวใน Twitter ว่า “หากไม่ใช่ทุกประเทศ แสดงว่าไม่ใช่การประชุมสุดยอดของทวีปอเมริกาจริง”
ด้าน อัลเบร์โต เฟอร์นันเดซ ประธานาธิบดีอาร์เจนติน่ากล่าวว่าเขาอาจจะเข้าร่วมการประชุม แต่กล่าวถึงความกังวลอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการยกเว้นประเทศต่างๆ
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีอเลฮานโดร จิมมาเตย แห่งกัวเตมาลา(Giammattei) กล่าวเมื่อวันอังคารที่แล้วว่าเขาจะไม่เข้าร่วมหลังจากวอชิงตันสั่งคว่ำบาตรมาเรีย คอนซูเอโล ปอร์ราส อัยการสูงสุดของประเทศ และครอบครัวของเธอ
ด้านจาร์อี บอลโซนาโร(Jair Bolsonaro) ประธานาธิบดีบราซิลน่าจะเดินตามรอยเพื่อนๆ เรื่องนี้เกร์เรโร นักวิชาการชาวบราซิล(Guerreiro: the Brazilian scholar)กล่าวว่า “บราซิลไม่เพียงแต่เป็นประเทศที่มีอาณาเขตที่ใหญ่ที่สุดในละตินอเมริกาเท่านั้น แต่ยังเป็นเศรษฐกิจที่มีประชากรมากที่สุดและใหญ่ที่สุด ด้วยการกำหนดค่าตัวเองให้เป็นผู้นำระดับภูมิภาค” “การไม่มีบราซิลในการประชุมสุดยอดนี้จะค่อนข้างโดดเด่น โบลโซนาโรรู้ดี”
เขาชี้ว่าโบลโซนาโรไม่เห็นด้วยกับฝ่ายบริหารของไบเดนตั้งแต่ปธน.โจ ไบเดนเข้ารับตำแหน่ง เนื่องจากผู้นำบราซิลเคยใกล้ชิดกับอดีต ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์
เกร์เรโรกล่าวว่า “สหรัฐฯ ยังอาจยังคงเป็นมหาอำนาจของโลกต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถสั่งการในละตินอเมริกาได้เหมือนแต่ก่อน แน่นอนว่ามีความแตกต่างระหว่างผู้นำบางคน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ปัจจุบันนี้ คำสั่งของสหรัฐฯ ไม่ได้รับการยอมรับอีกต่อไป และมีความตระหนักว่าประเทศในละตินอเมริกาสามารถจัดตั้งกลุ่มกันเองได้ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม”
ในเวลาเดียวกัน การไม่มีประธานาธิบดีเม็กซิกันจากการประชุมสุดยอดอาจทำให้โอกาสของฝ่ายบริหารของไบเดน ในการบรรลุข้อตกลงการย้ายถิ่นฐานที่เป็นไปได้ ท่ามกลางวิกฤตชายแดนของสหรัฐฯ เม็กซิโกซึ่งยังคงเป็นแหล่งผู้อพยพย้ายถิ่นฐานที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งไปยังสหรัฐอเมริกา
ปธน.แม็กซิโกยืนยันว่าจะคว่ำบาตรการประชุม ตอกย้ำความท้าทายที่ฝ่ายบริหารของไบเดนกำลังเผชิญในการทำให้ผลประโยชน์ของอเมริกาเหนือประเทศอื่นๆที่เป็นเสมือนหลังบ้าน และสหรัฐฯ มีบทบาททำเช่นนี้มาช้านาน สื่อสหรัฐแย้มว่ามีข่าวลือมีการขู่ว่าจะส่งระเบิดที่น่าอับอายไปยังทำเนียบขาวด้วยตามรายงานของนิวยอร์กไทมส์??
เวเนซุเอลา,นิการากัวและคิวบาอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของวอชิงตันมานานแล้ว ขณะที่สหรัฐฯ ยังไม่รับรองประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโรของเวเนซุเอลา หรือ แดเนียล ออร์เตกา รัฐมนตรี กระทรวงนิการากัว อย่างเป็นทางการ ที่สำคัญแม้สหรัฐส่งผู้บริหารระดับสูงไปง้อขอให้ช่วยเพิ่มการผลิตน้ำมัน เพื่อคว่ำบาตรรัสเซียกลับถูกปฏิเสธกลับมาหน้าหงาย เลยไม่ยอมผ่อนคลายการคว่ำบาตรและกีดกันไม่ให้ร่วมประชุมพันธมิตรละตินอเมริกาประเทศอื่น เลยโดนสวนหน้าหงายหนักเช่นนี้่
คงต้องติดตามกันต่อไปว่า สหรัฐจะแก้หน้าอย่างไร เมื่อเชิญแล้วไม่มีใครมาประชุมเป็นความเสียหายอย่างร้ายแรงทางการเมืองในฐานะ ผู้นำแห่งนาโต้ และผู้ประกาศทำลายล้างรัสเซียและจีน แต่เหล่าอดีตพันธมิตรหลังบ้านอย่างประเทศละตินพากันหันไปซบรัสเซียและจีนอย่างออกหน้าออกตา!!
