ปธน.โจ ไบเดน กล่าวว่าสหรัฐฯ จะไม่จัดหาจรวดที่สามารถเข้าถึงรัสเซียให้กับยูเครนได้ เพื่อบรรเทาความตึงเครียดกับมอสโก์วเกี่ยวกับศักยภาพในการติดตั้งขีปนาวุธพิสัยไกลที่มีพิสัยประมาณ 185 ไมล์ ทำเอาเซเลนสกี้ลมออกหูอีกรอบท่ามกลางคำเตือนของรัสเซียว่าการทำเช่นนั้นจะข้าม เส้นสีแดง ประกาศรบโดยตรงกับรัสเซียซึ่งรัสเซียพร้อมจัดให้ไม่ว่าในนามสหรัฐหรือนาโต้
วัน30พ.ค.2565 สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ระบุว่าเขาจะไม่ส่งระบบจรวดที่สามารถโจมตีเป้าหมายต่างๆอย่างแม่นยำไปสู่ดินแดนรัสเซียให้แก่ยูเครน แม้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เคียฟส่งเสียงร้องขออาวุธพิสัยไกลเป็นการเร่งด่วน ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นให้สมาชิกรีพับลิกันออกมาตำหนิด้วยถ้อยคำรุนแรงว่าเป็นการ “ทรยศหักหลังยูเครน”
ปธน.ไบเดนบอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวอชิงตันว่า “เราจะไม่ส่งระบบจรวดที่สามารถโจมตีเข้าสู่ดินแดนของรัสเซียแก่ยูเครน”
อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย มิทรี เมดเวเดฟ กล่าวถึงคำพูดของไบเดนว่า “สมเหตุสมผล” และเตือนว่าหากเมืองในประเทศของเขาถูกโจมตี กองกำลังของรัสเซียก็จะ “โจมตีจุดศูนย์กลางของการตัดสินใจทางอาญาเหล่านี้ทันที”
ยูเครน ผู้ฝักใฝ่สหรัฐและตะวันตก ได้รับความช่วยเหลือทางทหารมากมายจากสหรัฐฯ นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ มาวันนี้ เคียฟเรียกร้องต้องการจรวดพิสัยไกลเทียบเท่ากับที่กองกำลังมอสโกว์ใช้ เนื่องจากที่ผ่านมากว่า 3 เดือนกองกำลังผสมของกองทัพอะซอฟและนาโต้แปลงร่างเป็นอาสาสมัคร พ่ายแพ้ในสนามรบภาคพื้นดินอย่างสิ้นเชิง เวลานี้นายทหาร ที่สื่อเรียกว่า ปลาตัวใหญ่ถูกจับได้ยกก๊วน แม้มีความพยายามเจรจาของแลกตัวประกัน รัสเซียไม่สนจัดหนักดำเนินคดีไปตามกฎหมายรัสเซีย เพราะไร้สังกัดที่รบพุ่งโดยตรงกับรัสเซีย โดนโทษทั้งจำคุกตลอดชีวิตและประหารชีวิต ตามความโหดร้ายและพยานครบถ้วน
เคียฟส่งเสียงเรียกร้องไปยังสหรัฐฯ ร้องขอระบบจรวดพิสัยไกลเคลื่อนที่ M270 MLRS และ M142 Himars ซึ่งสามารถยิงจรวดหลายลูกในเวลาเดียวกัน และมีพิสัยทำการสูงสุด 300 กิโลเมตร เหนือกว่าพิสัยทำการของปืนใหญ่ อย่างน้อยๆ 8 เท่า
อาวุธดังกล่าวจะช่วยให้กองกำลังยูเครน มีศักยภาพโจมตีอย่างแม่นยำ เป้าหมายต่างๆที่อยู่หลังแนวหน้าไกลออกไปของรัสเซีย แม้ไม่ชัดเจนว่าเคียฟมีความตั้งใจจะทำแบบนั้นหรือไม่
ดมีโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ณ เวทีสัมมนาทางเศรษฐกิจ เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเขาใช้โอกาสดังกล่าวกดดันพันธมิตรตะวันตกสำหรับส่งมอบอาวุธหนัก เขาย้ำว่า “MLRS คืออาวุธที่เราต้องการอย่างที่สุด”
มิไคโล โพโดลยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน สะท้อนบนทวิตเตอร์เร็วๆนี้ว่า “มันเป็นเรื่องยากที่จะสู้รบ เมื่อคุณถูกโจมตีจากระยะ 70 กิโลเมตร และไม่มีอะไรที่สามารถตอบโต้กลับได้เลย”
ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม สหรัฐฯแถลงมอบแพ็คเกจช่วยเหลือแก่ยูเครนอีก 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางข่าวลือว่าเงินจำนวนนั้นรวมถึงการจัดซื้ออาวุธ ซึ่งก็จะย้อนกลับเข้ากระเป๋านายทุนใหญ่ค้าอาวุธที่เป็นสปอนเซอร์หลักของเดโมแครตนั่นเอง
ลินด์เซย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน เขียนบนทวิตเตอร์ในวันจันทร์ที่ 30พ.ค.ที่ผ่านมา ประณามการตัดสินใจของรัฐบาลไบเดน ที่ไม่ส่งมอบอาวุธเหล่านั้นแก่ยูเครนว่า “เป็นการทรยศยูเครนและประชาธิปไตย” “ชัดเจนว่า เป็นอีกครั้งที่รัฐบาลของไบเดน ถูกข่มขู่ให้กลัวโดยโวหารของรัสเซีย”
แสดงว่าเวลานี้ทั้งรีพับลิกันและเดโมแครตเห็นพ้องกันว่า จะต้องปราบรัสเซียและจีนไปพร้อมๆกัน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯรายหนึ่งออกมาชี้แจงในเวลาต่อมาว่า การส่งมอบ MLRS ยังคงอยู่ภายใต้การพิจารณา แต่ไม่รวมถึงศักยภาพการโจมตีระยะไกล นับตั้งแต่เดินหมากปล่อยกรุงเคียฟในช่วงต้นๆของการรบ แล้วหันไปปิดล้อมเมืองท่าริอูโปล จนสามารถควบคุมได้ทั้งหมด เวลานี้กองทัพรัสเซียจำกัดเป้าหมายแคบลง และใช้ปืนใหญ่และขีปนาวุธยิงถล่มเป้าหมายต่างๆอย่างต่อเนื่อง จึงส่งกำลังรบภาคพื้นดินเข้าพื้นที่เป้าหมาย เพื่อหาทางควมคุมเมืองเหล่านั้น
กองกำลังรัสเซียยังคงเดินหน้ารุกคืบยึดครองภูมิภาคดอนบาสอย่างสมบูรณ์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ยกระดับกดดันเมืองแฝดอย่างเซเวโรโดเนตสก์และลีซีแคนสก์ เพื่อตัดขาดจากการบัญชาการของยูเครนอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ขณะที่ เซเลนสกี ยังโวยวายหาทางเร่งเร้าให้นานาชาติยกระดับกดดันมอสโกว์หนักหน่วงขึ้น พร้อมขอการสนับสนุนทั้งการเงินและอาวุธหนัก
อีกด้านหนึ่ง ปธน.เซเลนสกี้เองก็สูญเสียการมองโลกในแง่ดีไปอย่างเห็นได้ชัด อะไรคือสาเหตุของเรื่องนี้? เนื่องจากกระทรวงกลาโหมรัสเซียได้สรุปแผนการสู้รบ ตั้งแต่ครึ่งหลังของเดือนเมษายนว่า กองทัพรัสเซียได้มุ่งเป้าไปที่วัตถุประสงค์หลายประการได้แก่
- ขยายฐานที่ตั้งรอบอิเซียม (Izium) และตัดขาดเมืองซลาเวียน (Slaviansk)
- ทำการรุกจากเมืองคูเปียน( Kupiansk) พื้นที่รอบอ่างเก็บน้ำออสคอล (Oskol) ถึงสเวียโตกอร์ส (Sviatogorsk) และเมืองลิมาน (Liman)
- ปลดปล่อยพื้นที่รูเบซนอย-เซอร์วาโรโดเนตสก์-ลิซิชานซ์(Rubezhnoye-Severodonetsk-Lisichansk)
- บุกทะลวงแนวป้องกันที่เข้มแข็งในพื้นที่โปปัสนายาเพื่อเข้าสู่เป้าหมายปฏิบัติการ
- ทะลวงแนวป้องกันที่แน่นแฟ้นในพื้นที่แอฟดีฟกา (Avdeevka) และบริเวณโดยรอบ
- และควบคุมเหนือเมืองท่ามาริอูโปล (Mariupol) อย่างสมบูรณ์
ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม งานเหล่านี้ส่วนใหญ่เสร็จสิ้นลงแล้ว เป็นการยืนยันว่าปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในเฟส2 บรรลุเป้าหมาย การเปิดเผยมักเกิดขึ้นหลังภารกิจประสบผลสำเร็จ