รุกหนัก!! ปูตินประกาศ จ่ายค่าลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาให้อริเป็นรูเบิล เดินหน้าผุดเงินดิจิทัลสวนคว่ำบาตร

0

แนวรบทางเศรษฐกิจกำลังขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด ระหว่างสหรัฐและรัสเซียส่งผลสะเทือนไปทั่วโลก ล่าสุดปธน.ปูตินลงนามประกาศให้รัสเซียจ่ายค่าลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภทเป็นสกุลเงินรูเบิลแก่ชาติที่ไม่เป็นมิตร ฝ่ายสหรัฐและยุโรปเตรียมประกาศคว่ำบาตรต่อ ทั้งๆที่ทุกมาตรการที่ออกมาหงายเงิบ อย่างไร้ความหมาย ก็ยังดันทุรังจะคว่ำบาตรอีก ต่อไปนานาชาติคงเบื่อที่จะได้ยิน สหรัฐและสหภาพอียูคว่าบาตรรายวันไม่จบสิ้น แต่ประเทศสมาชิกในยุโรปก็ทำสวนทางคำสั่งเหมือนสหรัฐและเลขาธิการอียูถ่มน้ำลายรดฟ้าใส่หน้าตัวเองอย่างไรก็อย่างนั้น นอกจากนี้เตรียมการเดินหน้าออกเงินดิจิทัลหนุนการค้ากับพันธมิตรสวนมาตรการคว่ำบาตรอย่างจริงจัง

 

วันที่ 30 พ.ค.2565 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และเพจสาธารณะ World Maker โพสต์ความคืบหน้าล่าสุดว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูตินลงนามในกฎหมายที่กำหนดให้ประเทศรัสเซียจ่ายค่าลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาเป็น ‘สกุลเงินรูเบิลแก่ชาติคู่อริ’ ซึ่งบอกเลยว่าหมัดนี้เล่นกันหนัก ใครไม่ยอมรับก็คงต้องถอนธุรกิจออกไปจากรัสเซีย และรัสเซียก็มีโอกาส Take Over มาเป็นของตัวเอง

ซึ่งเขาประกาศชัดเจนว่ามาตรการนี้เป้นการโต้ตอบการคว่ำบาตรของชาติคู่อริ โดยการชำระค่าลิขสิทธิ์เป็นรูเบิลนั้นจะเกิดขึ้นภายใต้กลไกใหม่ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

  1. ค่าลิขสิทธิ์ ค่าธรรมเนียม และการชำระเงินอื่น ๆ ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง จะถูกโอนไปยังบัญชีธนาคารพิเศษ Type-O ของรัสเซีย ซึ่งเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาที่ต้องการเก็บค่าลิขสิทธิ์จากรัสเซีย ก็จะต้องไปเปิดบัญชี Type-O กับธนาคารรัสเซียนั่นเอง
  2. ทั้งนี้ ไม่ว่าเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาจะยินยอมหรือไม่ แต่เงินดังกล่าวไม่สามารถถอนออกจากบัญชีได้ แต่สามารถนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นในรัสเซียเท่านั้น อย่างเช่น ใช้เงินส่วนนี้ชำระภาษีค่าธุรกิจในรัสเซีย
  3. อย่างไรก็ตามกฏหมายนี้ไม่ได้ใช้กับปริมาณธุรกรรมทางการเงินที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,520 ดอลลาร์ (ซึ่งคิดเป็นส่วนน้อย รายย่อย ๆ เพราะส่วนใหญ่ค่าลิขสิทธิ์นั้นเก็บกันแพงมหาศาล)
  4. รัสเซียย้ำว่ากฏหมายนี้ใช้กับประเทศ ‘คู่อริ’ เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับประเทศอื่น ๆ แต่อย่างใด
  5. ทั้งนี้ มีการยกเว้นกฏหมายดังกล่าวนี้ให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์จากประเทศที่ไม่เป็นมิตรบางรายด้วย แต่ต้องอยู่ในกลุ่มยา, อุปกรณ์ทางการแพทย์, การเกษตร, ฮาร์ดแวร์อุตสาหกรรม และโทรคมนาคมที่สำคัญเท่านั้น

ซึ่งทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมานี้ลงนามไปเรียบร้อยแล้ว มีผลทันที ! เราก็คงต้องมาจับตามองกันอย่างใกล้ชิดเลยว่าจะมีธุรกิจไหนถอนตัวออกจากรัสเซียอีกหรือไม่ ??

บอกเลยว่าการประกาศเช่นนี้มีผลอย่างมาก เพราะหมายความว่าเจ้าของลิขสิทธิ์จากประเทศคู่อริหลังจากนี้จะได้รับเงินเป็นสกุลรูเบิล และยังถอนไม่ได้อีกด้วย ! ต้องเอาไปใช้ในรัสเซียต่อ ลดจากค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แทน !

แต่ในทางกลับกัน หากธุรกิจยอมถอนตัวออกไป พี่ปูตินก็ต้องพร้อมหาคน Take Over หากอยากได้ธุรกิจนั้นมาเป็นของตัวเอง เฉพาะในรัสเซีย ดังนั้นการประกาศเช่นนี้หมายความว่าทางพี่ปูน่าจะเตรียมเงินสดไว้ในมือพร้อมแล้ว !

ก็ต้องติดตามต่อไปว่าหลังคำสั่งนี้ออกมา จะส่งผลอย่างไรต่อเจ้าของลิกขสิทธิ์และภาคธุรกิจของตะวันตกที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียเรียกว่าตอนนี้ รัสเซียเดินหน้าเต็มที่ในทุกมิติของแนวรบเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ มีอีกประเด็นหนึ่งที่กำลังฮือฮา คือรัสเซียกำลังพิจารณาอนุญาตให้ใช้สกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซี่สำหรับการชำระเงินระหว่างประเทศ แต่ก็โน้มเอียงไปในแบบที่ธนาคารรัฐสนับสนุน รายงานโดยสำนักข่าว Interfax อ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่รัฐ

อิวาน เชเบสคอฟ (Ivan Chebeskov) หัวหน้าแผนกนโยบายการเงินของกระทรวงการคลังรัสเซีย กล่าวว่าแนวคิดในการใช้สกุลเงินดิจิทัลในการทำธุรกรรมเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ กำลังได้รับการพูดคุยกันอย่างแข็งขัน

เจ้าหน้าที่รัสเซียกำลังหาแนวทางในวิธีการควบคุมตลาดคริปโตของประเทศและการใช้สกุลเงินดิจิทัล โดยกระทรวงการคลังไม่เห็นด้วยกับการเรียกร้องของธนาคารกลางสำหรับการแบนแบบครอบคลุม ควรเปิดช่องทางบางส่วนแต่มีมาตรการควบคุม

หนังสือพิมพ์เวโดมอสติ (Vedomosti) รายงานว่า กระทรวงการคลังกำลังหารือเกี่ยวกับการเพิ่มข้อเสนอล่าสุด ถึงการชำระเงินระหว่างประเทศให้กับร่างกฎหมายฉบับปรับปรุง เมื่อวันศุกร์ที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ

เชเบสคอฟ กล่าวว่า “การอนุญาตให้สกุลเงินคริปโตเป็นวิธีการชำระการค้าระหว่างประเทศจะช่วยตอบโต้ผลกระทบของการคว่ำบาตรจากตะวันตก ซึ่งทำให้รัสเซียเข้าถึงกลไกการชำระเงินข้ามพรมแดนได้ ทดแทนแบบดั้งเดิมที่ถูก “จำกัด”โดยตะวันตก 

และนี่ก็จะเป็นอีกขั้นหนึ่งของการก้าวกระโดดที่ต้องถกเถียงกันอย่างหนักว่า จะควบคุมให้พอเหมาะได้อย่างไรในเรื่องความมั่นคง เพียงแต่จะออกมาในรูปแบบไหนเท่านั้นเพราะ เรื่องนี้จีน อินเดียคิ๊กออฟไปก่อนหน้าแล้ว  ได้ข่าวแว่วๆว่า สหรัฐก็เริ่มมีการผลักดันในสภาฯด้วยเช่นกัน