เรียกได้ว่ากำลังเดือดระอุ และไม่มีวี่แววว่าจะจบลงเมื่อใด สำรหับวิกฤตสงครามยูเครน-รัสเซีย ซึ่งในขณะนี้เริ่มมีหลายๆประเทศ เข้าร่วมหนุนทั้ง 2 ประเทศ เป็นจำนวนมาก แบ่งฝั่งแบ่งพวกกันอย่างเห็นได้ชัด
ล่าสุดทางด้านของเพจสาธารณะ World Update ก็ได้เปิดเผยถึง ทางฝั่งของเบลารุส มีเคืองยูเครน ปล้นปุ๋ยตน เตรียมทัพจ่อบุกลงมาทางทิศเหนือสกัดโปแลนด์ โดยมีรายละเอียดว่า
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี เอล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก แห่งเบลารุส เดินทางไปพบประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เป็นการส่วนตัวที่บ้านพักในเมืองโซชิ ชายทะเลดำ ทั้ง 2 ฝ่ายหารือถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของ 2 ประเทศ ซึ่งต่างก็โดนแซงชันกันทั้งคู่ แต่กลับได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามอย่างไม่น่าเชื่อ
มาตรการแซงชันไม่ได้ผลกับรัสเซีย แต่กลับส่งผลร้ายต่อเศรษฐกิจในกลุ่มชาติตะวันตกเสียเอง ประธานาธิบดีปูตินระบุว่า “งั้นเราคงต้องพูดคุยกับพวกเขาอย่างจริงจังแล้วแหละ”
ผู้นำทั้งสองมีความเห็นสอดคล้องกันว่า พฤติกรรมของนักการเมืองโปแลนด์ และ NATO บางคน และความเคลื่อนไหวของพันธมิตรทางทหาร ที่รวมกองกำลังไว้ที่ชายแดนตะวันตกของรัสเซียและเบลารุส “เพื่อพยายามที่จะแยกส่วนยูเครน” ให้สภาพเขตแดนเหมือนก่อนปี 1939 ที่ยูเครนตะวันตก และเบลารุสตะวันตก เคยเป็นของโปแลนด์ ก่อนที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียติ แสดงถึงแนวโน้มที่อันตรายที่สุดในยูเครนในปัจจุบัน
ผู้นำเบลารุสระบุว่า “หน่วยทหารหลายพันหน่วยได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว เพื่อเข้าสู่ยูเครนภายใต้ฉากหน้าของการรักษาสันติภาพ” เขาเสนอว่าทางรัสเซีย และเบลารุส ควรพิจารณารักษาบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ไม่ให้ตกไปเป็นส่วนหนึ่งของ NATO ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามต่อมลฑลคาลินินกราด รัสเซีย และเบลารุสในระยะยาว
สอดคล้องกับ นายพล เซอร์เกย์ นาริสกิน ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย (SVR) เคยรายงานต่อผู้นำรัสเซียเมื่อเดือนก่อนว่า โปแลนด์กำลังวางแผนร่วมกับสหรัฐฯ ในการยึดครองยูเครนตะวันตก อ้างว่าเป็น “ผู้รักษาสันติภาพ” โดยการฝึกซ้อมทางทหาร
ด้านประธานาธิบดี เซเลนสกี แห่งยูเครน เพิ่งประกาศว่ากำลังใช้อำนาจแก้กฎหมายให้ “พลเมืองโปแลนด์จะได้รับสถานะทางกฎหมายพิเศษในยูเครน” (หมายถึงทหารโปแลนด์ปฏิบัติหน้าที่ได้เท่าทหารยูเครน) “ในทางจิตใจแล้ว ชาวยูเครนและชาวโปแลนด์นั้นไม่สามารถแยกจากกันได้เป็นเวลานานแล้ว”
ส่วนประธานาธิบดีแอนแดรซ ดูดา แห่งโปแลนด์ ที่เดินทางมาเยือนกรุงเคียฟ ระบุว่า “จะไม่มีพรมแดนระหว่างโปแลนด์และยูเครนอีกต่อไป”
ทางรัฐบาลรัสเซีย เพิ่งออกกฤษฎีกา ให้ชาวยูเครนในเขตดินแดนสาธารณรัฐลูฮันสก์ , โดเนตสก์ เมืองคอร์ซอน และเมืองอื่นๆ ที่กองทัพพันธมิตรรัสเซียยึดครองตัดขาดจากยูเครนไปแล้ว ให้ยื่นสมัครเปลี่ยนสัญชาติเป็นรัสเซีย เพราะดินแดนเหล่านั้นจะไม่กลับไปอยู่ในปกครองยูเครนตลอดไป และไม่ต้องร่วมใช้หนี้ค่าอาวุธชาติตะวันตก
ส่วนยูเครน ก็เพิ่งออกกฎหมายยึดทรัพย์สินมีค่าของเอกชนรัสเซียในดินแดนที่ยูเครนยึดครอง จากนั้นประกาศปล้นปุ๋ยของ บริษัท เบลารุส ที่อยู่ภายในท่าเรือ Nikolaev ที่ฝ่ายรัสเซียยังไม่ได้ยึด มูลค่าเกือบ 20 ล้านเหรียญ ที่ตกค้างในขบวนรถไฟ จำนวน 188 คัน รวมถึงเรือบรรทุกสินค้า 2 ลำ ที่เต็มไปด้วยปุ๋ย 77,000 ตัน แต่ไม่สามารถล่องเรือออกไปได้เพราะกองทัพรัสเซียครอบครองน่านน้ำทะเลดำอยู่
ส่งผลทางเบลารุส หัวร้อนเตรียมการตอบโต้ทางทหารทางทิศเหนือของยูเครน ตลอดแนวพรมแดน รวมถึงเมืองหลวงกรุงเคียฟที่อยู่ระยะยิง 200 กม.ถล่มจากขีปนาวุธ Iskander มาจากชายแดนเบลารุส เพื่อทวงสิทธิทรัพย์ปุ๋ยของตนคืน ถ้าไม่คืนก็สามารถยิงถล่มใส่อาคารรัฐบาลในกรุงเคียฟได้ทั้งคืนทั้งวันโดยยูเครนไม่มีขีปนาวุธ หรืออากาศยานใดจะตอบโต้ไกลถึงเขตเบลารุสได้แล้ว
และเบลุสยังติดตั้งระบบต่อต้านอากาศยาน S-300 ไว้อีกหลายสิบระบบที่ตลอดแนวชายแดนโปแลนด์ – ยูเครน..งานนี้จะโทษเบลารุสก็ไม่ได้ เพราะยูเครนไปยึดปุ๋ยเขาก่อน..ยูเครน เปิดศึก 2 ด้าน สู้ต่อไปนะ ใกล้ชนะแน่นอน