อังกฤษ-ยุโรปหน้ามืด ส่งเรือรบชิงข้าวสาลียูเครน ถูกยึดอื้อ! ขณะ “รัสเซีย” คุ้มกันเรือต่างชาติที่ไม่คว่ำบาตร ผ่านได้อย่างเสรี!
จากสถานการณ์ในโอเดสซา เมืองท่าที่สำคัญทางตอนใต้ของยูเครน รวมถึงพื้นที่บริเวณท่าเรือ ถูกกระหน่ำโจมตีอย่างหนักด้วยขีปนาวุธ แม้กระทั่งในช่วงที่มีการเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะในรัสเซีย และเมื่อสำรวจความเสียหาย พบว่ามีอาคารหลายแห่งพังเสียหาย มีขีปนาวุธ 7 ลูกพุ่งชนศูนย์การค้าและคลังน้ำมัน ต่อมาประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ได้เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศเร่งดำเนินการเพื่อยุติการปิดล้อมท่าเรือโดยรัสเซียในทันที เพื่อให้สามารถขนส่งข้าวสาลีและป้องกันวิกฤตการณ์อาหารทั่วโลกได้
เขากล่าวว่า การค้าที่ท่าเรือหยุดนิ่งและขอให้ต่างชาติมาช่วยยุติการปิดล้อมของรัสเซีย เพื่อให้มีการขนส่งข้าวสาลีและป้องกันวิกฤติอาหารโลก เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษที่ท่าเรือโอเดสซาไม่มีการเคลื่อนย้ายเรือเดินทะเล ไม่มีงานท่าเรือ สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
และระบุต่อว่า นี่ไม่ใช่แค่ระเบิดในยูเครนเท่านั้น หากปราศจากการส่งออกสินค้าเกษตรหลายสิบประเทศในส่วนต่างๆ ของโลกก็ใกล้จะขาดแคลนอาหาร และเมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์ก็อาจกลายเป็นเรื่องที่น่ากลัว ซึ่งต้องใช้ทำทันทีเพื่อปลดบล็อกท่าเรือของยูเครนสำหรับการส่งออกข้าวสาลี
ล่าสุดทางเพจ World Update ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่อังกฤษและยุโรป เปิดปฏิบัติการ “กองเรือรบชิงข้าวสาลี” ออกจากยูเครน โดยอ้างอิงจากสำนักข่าว bloomberg ระบุว่า เดิมทียูเครน มีพื้นที่ราว 603,548 ตร.กม. มีพลเมืองราว 44 ล้านคน ในจำนวนนี้มีเชื้อสายยูเครน 77.8% , สลาฟ (รัสเซีย) 17.3% อื่นๆ เช่น ชาวยิวยูเครน 4.9% แบ่งเขตการปกครองเป็น 24 แคว้น และ 1 นครคือ เมืองหลวงเคียฟ หลังปี 2014 ประชากรไครเมีย แยกเอกราชไปเป็นพลเมืองรัสเซีย จึงเหลือประชากรราว 41.3 ล้านคน เมื่อรัสเซีย ปฏิบัติการทางทหารปลดปล่อยพื้นที่ชาวสลาฟออกจากยูเครน ทำให้มีผู้อพยพลี้ภัยออกจากยูเครนไปอยู่ประเทศอื่นกว่า 7 ล้านคน
โดยพลเมืองจะอาศัยหนาแน่นในกรุงเคียฟ แนวแม่น้ำดนีเปอร์ ภูมิภาคดอนบาส ชายทะเลอาชอฟ และทะเลดำ เหตุเพราะเป็นเขตเศรษฐกิจ แหล่งพลังงานก๊าซ น้ำมัน ถ่านหิน โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ และพลังน้ำ โรงงานเหล็กขนาดใหญ่ 4 แห่ง ท่าเรือส่งออกสินค้า พื้นที่อุดมสมบูรณ์ จึงใช้เป็นพื้นที่การเกษตรเพาะปลูกธัญพืช จนได้ฉายา “ตระกร้าขนมปังยุโรป” ชาวสลาฟในยูเครน จะอาศัยอยู่ทางภาคตะวันออก ภาคใต้ กินพื้นที่ใน 8 แคว้นคิดเป็นพื้นที่ราว 45% ของยูเครน ปัจจุบันถูกกองทัพโดเนสก์ (DPR), ลูฮันสก์ (LPR) นักรบเชเชน จากเชชเนีย และนักรบจากดินแดนในกลุ่ม CSTO รวม 22 กลุ่ม ยึดพื้นที่ไปได้แล้วขนาดพอๆ กับประเทศสหราชอาณาจักร พลเมืองส่วนนี้ราว 15 ล้านคน ส่วนที่ยังอยู่ในเขตยูเครน และเป็นปุ๋ยไปอีกมาก ยูเครนจึงเหลือพลเมืองอาศัยในดินแดนตอนนี้ช่วยใช้หนี้สินไม่ถึง 20 ล้านคน หรือหายไปกว่า 50%
พื้นที่ยูเครนที่เหลือ เป็นพื้นที่มีทรัพยากรน้อยกว่า ขาดแหล่งน้ำจืด ไม่เหมาะสมกับการทำการเกษตรปลูกธัญพืช ในอนาคต เมื่อรัสเซีย ไล่ยึดพื้นที่้เมืองท่าโอเดสซาไปจรดประเทศมอลโดวาแล้ว ประเทศยูเครนจะไม่มีทางออกทะเล ส่งผลให้ “ไม่มีกองทัพเรือใหญ่” ได้ตลอดไป , พื้นที่เพาะปลูกและส่งออกธัญพืชเดิมของรัสเซีย 17% ของสัดส่วนธัญพืชอาหารโลก จะขยายเพิ่มเป็นเกือบ 30% ทันที ปากท้องที่ต้องกินอาหารทุกวันของชาวยุโรปหลายร้อยล้านคนจะขึ้นกับรัสเซีย เพียงชาติเดียวว่าจะยอมให้กินหรือไม่ รัสเซียจะกุมอำนาจพลังงาน อาหาร ในยุโรปได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะชาติอื่นเก็บไว้กินในชาติไม่ขายธัญพืชให้ยุโรปเช่นกัน
รัสเซีย จึงไม่มีความจำเป็นใดต้องเร่งเกมส์สงคราม เพราะยิ่งดึงเวลารบเนิ่นนานไปเท่าใด ชาติตะวันตกจะเดือดร้อนอดอยากอาหาร ขาดพลังงานมากขึ้นเท่านั้น รัสเซียจะได้เปรียบฝ่ายระเบียบโลกเก่ามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทางที่ยุโรป จะไปหาอาหารจากที่อื่นมากมายในเวลาอันสั้นมาเลี้ยงประชากรตนมากมายได้พอเพียง ถ้ารัสเซียไม่ปราณีให้ ยุโรป จะถูกบั่นทอนกัดเซาะรากฐานความมั่งคั่งทาง อุตสาหกรรม ธุรกิจ ตลาดทุน คุณภาพชีวิตพลเมือง ฯลฯ เกมส์แรกของรัสเซีย คือ พลังงาน เงินตรา ชาติยุโรปแพ้ราบคาบหลุดลุ่ย เกมส์ถัดไปของรัสเซียต่อไปนี้คือ “อาหาร” ในระยะสั้นตอนนี้ยูเครน มีธัญพืชตกค้างตามโกดังต่างๆ ราว 20 ล้านตันส่งออกไม่ได้
พันเอก มิคาอิล มิซินต์เซฟ หัวหน้าศูนย์ควบคุมการป้องกันประเทศของรัสเซีย ระบุว่าขณะนี้เรือต่างประเทศ 70 ลำจาก 16 ประเทศ อยู่ที่ท่าเรือ 6 แห่งในทะเลดำ รวมถึงท่าเรือโอเดสซา เคอร์ซัน และมิโคไลฟ น่านน้ำในทะเลอาชอฟ และทะเลดำส่วนของยูเครน ปัจจุบันรัสเซียยึดได้ 100% นั่นหมายความว่าถ้าชาติตะวันตกไม่ยกเลิกคว่ำบาตรรัสเซีย ก็ไม่อาจขนส่งธัญพืชผ่านท่าเรือและน่านน้ำที่รัสเซียยึดครองได้นั่นเองเพราะขัดกับมติคว่ำบาตรของยุโรปเอง ทำให้ อังกฤษ ที่กำลังขาดแคลนอาหารบริโภค หิวโหยอย่างหนักขึ้นทุกวัน นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งสหราชอาณาจักร ได้ประกาศว่า “ขอรับประกันว่า ยูเครนสามารถส่งออกธัญพืชและผลิตภัณฑ์อาหารออกไปได้แน่นอน” แต่ประเมินแล้วการขนข้าวสาลี ข้าวโพด โดยทางบกไปท่าเรือลิทัวเนีย เอสโตเนีย หรือโปแลนด์ จะไกลและช้ามาก ไม่ทัน 2 เดือนข้างหน้า ที่พลเมืองตนหิวตายกันหมด และธัญพืชเสื่อมคุณภาพ
อังกฤษ ได้หารือชาติยุโรปตะวันออกจัดตั้ง “กองเรือรบชิงอาหาร” ธัญพืชยูเครน 20 ล้านตัน โดยอังกฤษจะส่งเรือรบไปยังทะเลดำเพื่อเคลียร์ทุ่นระเบิดรอบท่าเรือที่กองทัพยูเครนวางไว้เอง และคุ้มกันเรือส่งออกธัญพืช ออกจากเมืองท่าโอเดสซ่า ยูเครน หนีไปยังช่องแคบบอสฟอรัส ผ่านตุรกี และติดตั้งขีปนาวุธ Harpoon ในยูเครน “เพื่อป้องกันความพยายามของรัสเซียที่จะทำลายภาระกิจชิงข้าวสาลีนี้”
โดยนาย Kajsa Ollongren รัฐมนตรีกลาโหมเนเธอร์แลนด์ ระบุว่าจะเข้าร่วมกองเรือรบชิงธัญพืชด้วย แต่มีเงื่อนไขว่ารัสเซีย และตุรกี ต้องยอมไฟเขียวก่อนเพื่อความปลอดภัย แต่แล้วนาย Andrey Rudenko รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซีย ก็ดับฝันของอังกฤษ และพันธมิตร เมื่อระบุว่า “รัสเซียไม่ยินยอมให้กองเรือรบต่างประเทศรุกล้ำน่านน้ำทะเลดำ ชิงธัญพืชออกจากท่าเรือในความยึดครองของรัสเซีย..การมาถึงของเรือรบต่างชาติ จะทำให้ทะเลดำทวีความตึงเครียดมากขึ้น แต่รัสเซียจะช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็น สำหรับเรือที่ขนส่งธัญพืช”
กระทรวงกลาโหมรัสเซีย เผยว่า เรือสินค้าต่างชาติ 6 ลำ ที่ไม่คว่ำบาตรรัสเซีย ได้รับการอารักขาออกจากท่าเรืออาซอฟได้อย่างเสรีแล้ว คือ บัลแกเรีย โดมินิกา ไลบีเรีย ปานามา ตุรกี และจาไมกา..โดยประธานาธิบดีปูติน แห่งรัสเซีย บอกกับนายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากิ แห่งอิตาลี ทางสายด่วนว่าชาติที่ยกเลิกคว่ำบาตรรัสเซีย จะได้รับการอารักขาเรือสินค้าออกไปส่งอย่างปลอดภัยที่ปากช่องแคบบอสฟอรัส เพราะรัสเซีย รู้ว่ากองเรือรบ NATO เหล่านั้นใช้ข้ออ้างชิงธัญพืช แต่แท้จริงคือรุกกองเรือเข้าทะเลดำ เปิดแนวรบประจัญหน้ากองเรือรัสเซียทางทะเล เปิดทางขนอาวุธหนักมาให้ยูเครน รวมทั้งขนทหารรับจ้าง Azov NATO ที่ตกค้างในยูเครนหนีขึ้นเรือรบอังกฤษอารักขาออกไป..นี่แค่ขาดอาหารระยะสั้นเฉพาะหน้า ยุโรปยังวุ่นหนักขนาดนี้ ระยะถัดไปถึงปลายปีนี้ และปีถัดไป ยุโรปจะไปเอาอาหารกินจากไหน ถ้าไม่แก้ปัญหาระยะยาวโดยงอนง้อขอยกเลิกคว่ำบาตรรัสเซียทางเลือกเดียวเท่านั้น..สู้ต่อไปนะ หิวท้องกิ่วหน้ามืดแน่นอน
