หมอวรงค์ แนะบิ๊กตู่ต้องหนักแน่น ใช้สูตรคำนวณ ส.ส. หาร 500 สู่การฟื้นตัวประเทศ

0

จากที่เมื่อวันที่ 26 พฤษภาค 2565 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับรายการ กรองข่าวเล่าสถานการณ์ ทางสถาบันทิศทางไทย โดยสำราญ รอดเพชร ถึงประเด็น ทางเลือก ทางรอด ประเทศ

ทั้งนี้ นพ.วรงค์ กล่าวถึง การแก้ไขรัฐธรรมนูญจากบัตรหนึ่งใบเป็นบัตรสองใบ ระบุว่า จุดที่เลวร้าย คือการก้าวเดินของพรรคพลังประชารัฐหรือใช้ว่ารัฐบาลโดยรวม เดินเข้าเกมที่นายทักษิณ ชินวัตร ต้องการ นั่นคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  ถ้ามองย้อนไปในอดีตที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ภาพของนายกฯดูแข็งแกร่งมาก มุ้ง กลุ่มการต่อรอง ไม่เกิดขึ้น

จำได้ว่านายสุริยะ  จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เป็นรัฐมนตรีอุตสาหกรรมอยากเป็นรัฐมนตรีพลังงานยังต่อรองไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจในการต่อรอง เนื่องจาก ส.ส.ทุกคนของพรรคพลังประชารัฐมาเพราะความนิยมของพลเอกประยุทธ์ แต่ปรากฏว่าไปหลงเชื่อการแก้รัฐธรรมนูญบัตรใบเดียว เป็นบัตรสองใบ ซึ่งเละเทะไปกันใหญ่

“สาเหตุคือพลเอกประยุทธ์ ไปตามใจบิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และบังเอิญบิ๊กป้อมไปฟังคนล้อมตัว ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ธรรมนัส พรหมเผ่า, นายไพบูลย์ นิติตะวัน ผลพิสูจน์ว่าช่วงที่เกิดขึ้นหลังจากที่เป็นบัตรสองใบ ตนเห็นความปั่นป่วนของรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐกับกลุ่มธรรมนัสชัดเจน จนประชาชนรู้สึกเบื่อหน่าย

ระบบบัตรสองใบพรรคใหญ่ได้เปรียบ เพราะได้ ส.ส.เขตเยอะขึ้นและได้ปาร์ตี้ลิสต์เป็นของแถม แต่ถ้าเป็นระบบบัตรใบเดียว ถ้าคุณได้ ส.ส.เขตเยอะ ปาร์ตี้ลิสต์คุณจะไม่ได้ แต่ยังนำระบอบนี้กลับมา รู้อยู่แล้วสู้ไม่ได้ สุดท้ายประเทศก็เกิดปัญหา” นพ.วรงค์ กล่าว

นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคไทยภักดี ยังกล่าวถึงสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบหาร 100 และหาร 500ว่า ระหว่างหาร 100 กับหาร 500 รัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไขเป็นแบบบัตร 2 ใบ ใบหนึ่งเป็นบัตรเลือก ส.ส. เขต ซึ่งมีทั้งหมด 400 เขต ผู้ชนะได้เป็น ส.ส.ทันที และในส่วน 100 ที่เป็นปาร์ตี้ลิสต์ ถ้าเอาหาร 100 จะเป็นคะแนนปาร์ตี้ลิตส์ที่ให้กับพรรคที่ได้คะแนนตามสัดส่วนระบบนี้ถือเป็นพรรคใหญ่กินรวบ

“แต่ขณะเดียวกันในรัฐธรรมนูญนี้ ในมาตรา 93, 94 ย้ำว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญยังเขียนไว้ว่า ต้องการให้ทุกคะแนนไม่ตกน้ำ คือเอา ภาพรวมจำนวน ส.ส.ทั้งหมดมาหาร 500 และมาคำนวณว่าพรรคไหนได้ ส.ส.เขตเท่าไหร่ จะเหมือนแบบบัตรใบเดียว ถ้าได้ส.ส.พึงมีไม่ถึง จะได้ ส.ส. เติมเข้ามา

อีกฝ่ายหนึ่งอ้างว่า ถ้าหาร 100 เป็นไปตามการแก้ไขจริง เนื่องจากมาตรา 91 เขียนไว้ชัดเจน แต่อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่าแต่ในมาตรา 93, 94 ยังเขียนในระบบ ว่าหาร 500 คือ ส.ส.พึงมี  ถือว่าเป็นการแก้รัฐธรรมนูญที่ห่วยที่สุด เพราะว่ารัฐธรรมนูญคือกฎหมายสูงสุด ควรจะต้องแก้ให้เบ็ดเสร็จเพื่อไม่ให้เป็นการขัดแย้ง

วันนี้รัฐธรรมนูญมีความขัดแย้งกันในมาตรา 91, 93 และ 94 ตนเข้าใจว่าพรรคพลังประชารัฐต้องการหาร 100 เพราะคิดว่าตัวเองจะชนะมากกว่าพรรคเพื่อไทย แต่ผู้เชี่ยวชาญการเมืองแม้แต่ตนเองบอกเลยทักษะสู้เขาไม่ได้

โชคดี การที่เกิดเหตุการณ์เลือกผู้ว่าฯแลนด์สไลด์ครั้งนี้ เป็นบทพิสูจน์แล้วว่า คุณกำลังไม่ได้รับความนิยม  ถ้ายังไปตามนี้ ถือว่าพรรคใหญ่รวบทันที  ต่อมากลายเป็นว่านายทักษิณเร่งตีปี๊บ เนื่องจากการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ ธรรมดาแก้เสร็จแล้ว พรรครัฐบาลต้องฉลอง เพราะเป็นไปตามต้องการ แต่กลับกลายเป็นว่าพรรครัฐบาลเงียบ พรรคฝ่ายค้านฉลอง

สุดท้ายคือเกิดการหักกันของนายธรรมนัสกับบิ๊กป้อม ที่จะไปอยู่กับเพื่อไทย จึงทำให้ตนเชื่อว่าคนที่ต้องตัดสินใจ ต้องคิดแล้ว ถ้าใช้สูตรหาร 100  ถือว่าจบเป็นการยกประเทศให้เขา แต่ถ้าคุณยังมีสติเอาหาร 500 ยังเบรคเกมเสิร์ฟได้ ถือโอกาสเตือนไปยังรัฐบาลทุกคนเลยและทุกกลุ่มว่าคุณควรตัดสินใจให้ดี” หัวหน้าพรรคไทยภักดี กล่าว

อย่างไรก็ตาม นพ.วรงค์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “อยากเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ เป็นตัวของตัวเอง เพราะดูเกรงใจบิ๊กป้อม ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายของประเทศ ตนขอเรียกร้องบิ๊กป้อมอย่าไปเชื่อนายไพบูลย์ อย่างนายธรรมนัสก็หักบิ๊กป้อมเองอยู่แล้ว อย่าไปเชื่อคนอื่น เอาประเทศเป็นตัวตั้ง

ตั้งหลักหาร 500 จะเกิดกระแสว่ารัฐบาลชนะ และฝ่ายค้านแพ้ นายทักษิณอาจจะต้องเลียแผลไปเป็นอาทิตย์ แล้วในตอนนี้นักท่องเที่ยวกำลังเข้ามา ทุกอย่างเริ่มฟื้นตัว อีกไม่นานตั้งหลักได้ กระแสจะเปลี่ยนไปทันที เพราะเมืองไทยฟื้นตัวเร็ว ความเชื่อมั่นจะกลับมา แต่สำคัญการเมืองต้องตั้งหลักให้ได้ อย่าไปตามใจเขา” นพ.วรงค์ กล่าว