จากกรณีที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จะลงคะแนนเสียงในมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพิ่มเติม หลังจากที่คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือสั่งยิงขีปนาวุธข้ามทวีปหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา
โดยสำนักข่าวเอเอฟพี ได้รายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม 2565 กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงตามวาระในเดือนพฤษภาคม ได้เรียกร้องให้มีการลงคะแนนเสียงในช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดีในมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ
โดยเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของสหรัฐฯ กล่าวว่า มติดังกล่าวจะเน้นไปที่การควบคุมการนำเข้าน้ำมันของเกาหลีเหนือ แต่มีความเป็นไปได้ที่รัสเซียและจีนอาจจะใช้อำนาจยับยั้ง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ามติคณะมนตรีความมั่นคง 2397 ซึ่งได้รับการรับรองอย่างเป็นเอกฉันท์ในปี 2560 กำหนดให้มีมาตรการเพิ่มเติมหากเกิดกรณีการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปขึ้นมาอีกครั้ง
นักการฑูตรายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์ออกนามระบุว่า จีนอาจยินดีลงมติคว่ำบาตรครั้งใหม่ หากเกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์ แต่คงไม่คิดว่าเป็นประเด็นอะไรหากเป็นแค่การยิงขีปนาวุธ ด้านโฆษกของคณะผู้แทนจีนกล่าวว่า “จีนไม่คิดว่าข้อเรียกร้องที่สหรัฐฯ เสนอมา จะช่วยแก้ปัญหาใดๆ ได้ แม้จีนจะนำเสนอคำแนะนำบางอย่างไป แต่สหรัฐฯก็ทำเป็นหูทวนลม”
ร่างมติคว่ำบาตรที่สหรัฐฯ เสนอให้ลงคะแนนเสียงในวันพฤหัสบดี มีประเด็นหลักในการเรียกร้องให้ลดปริมาณน้ำมันที่เกาหลีเหนือนำเข้าได้ตามกฎหมายในแต่ละปีเพื่อวัตถุประสงค์ทางการบริโภคในภาคประชาชน จากที่เคยนำเข้าได้ 4 ล้านบาร์เรล ให้เหลือเพียง 3 ล้านบาร์เรล ต่อปี และให้ลดการนำเข้าปิโตรเลียมกลั่นจาก 500,000 บาร์เรล เหลือ 375,000 บาร์เรล รวมถึงคว่ำบาตรการส่งออกของเกาหลีเหนือในสินค้าประเภทนาฬิกา และแร่เชื้อเพลิง
สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ 3 ลูก ซึ่งหนึ่งในนั้นอาจเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) หลังการเดินทางออกจากภูมิภาคเอเชียของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เพียงไม่กี่ชั่วโมง เมื่อวันพุธ
ทูตยูเอ็นคนหนึ่งซึ่งมีประเทศอยู่ในคณะมนตรีความมั่นคง ให้ข้อมูลโดยไม่เปิดเผยชื่อพร้อมยอมรับว่า การกระทำของเกาหลีเหนือเป็น “ภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวง” และการตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่จะผลักดันให้มีการลงคะแนนเสียงอย่างรวดเร็วอาจเป็นเหตุแห่งการแบ่งแยกของคณะมนตรีความมั่นคง หากการลงคะแนนครั้งนี้ล้มเหลว น่าจะเป็นข่าวดีของคิมจองอึน และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติคงจะสูญเสียโอกาสในการเพิ่มแรงกดดันไปยังเกาหลีเหนือ
ล่าสุด จีนและรัสเซีย ใช้สิทธิ์วีโต้ความพยายามที่นำโดยสหรัฐฯ ที่หวังผลักดันให้สหประชาชาติกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานเกาหลีเหนือเพิ่มเติม ต่อกรณีทดสอบขีปนาวุธซ้ำแล้วซ้ำเล่า เผยให้สาธารณะเห็นถึงร่องรอยความแตกแยกภายในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่องค์กรแห่งนี้เริ่มลงโทษเปียงยางในปี 2006



