รุกกลับ!! สีพบข้าหลวงสิทธิฯUN เยือนซินเจียงชื่นมื่น ทำสหรัฐเต้นกลัวความจริงเผยปั้นเรื่องเท็จ

0

ข้าหลวงสิทธิมนุษยชนยูเอ็นคุยกับผู้นำจีน ทำสหรัฐกริ้วหนัก วิจารณ์แหลกแต่ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ไม่สนใจ สนทนากับข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติราบรื่น ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนจีน เตรียมไปทัวร์ซินเจียงจะได้เห็นความจริงว่าอะไรเป็นอะไร นับเป็นการรุกกลับทางการเมืองครั้งใหญ่ของจีน ซึ่งภาพจะฟ้อง ไม่ว่าข้าหลวงใหญ่จะพูดว่าอะไร คงไม่อาจปฏิเสธความจริงถ้าได้เห็นการพัฒนาเศรษฐกิจของซินเจียงดินแดนที่อุดมไปด้วยน้ำมันใต้ดิน และฝ้ายคุณภาพสูงบนแผ่นดินสวนทางกับคำใส่ร้ายของสหรัฐฯที่แอบแฝงเจตนาร้ายทางภูมิรัฐศาสตร์ต่อจีน

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. สำนักข่าวซีจีทีเอ็นและโกลบัลไทมส์รายงานว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้สนทนาผ่านระบบทางไกลอิเล็กทรอนิกส์ กับนางมิเชล บาเชเลต์ ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งกำลังเยือนจีนอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้บาเชเลต์มีกำหนดการเยือนปักกิ่ง 6 วันระหว่างวันที่23-28 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ผู้นำจีนกล่าวกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นในตอนหนึ่ง ว่าพัฒนาการด้านสิทธิมนุษยชนของจีน “สอดคล้องและเป็นไปตามเงื่อนไขแห่งชาติ” กลไกด้านสิทธิมนุษยชน “มีหลากหลายรูปแบบ” สิทธิในการดำรงอยู่และการพัฒนา ถือเป็นรากฐานของประเทศที่กำลังพัฒนา การเบี่ยงเบนออกจากความเป็นจริง และการพยายามยัดเยียดแนวทางที่ไม่สามารถเข้ากับเงื่อนไขของท้องถิ่น มีแต่จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายเท่านั้น แล้วท้ายที่สุด ประชาชนคือผู้ที่เจ็บปวด

บาเชเลต์ กล่าวขอบคุณปธน.สี สำหรับการมาเยือนของเธอแม้จะมีความท้าทายจาก COVID Bachelet กล่าวว่าเธอจะมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางและสื่อสารโดยตรงกับรัฐบาลจีนและผู้คนจากภาคส่วนต่าง ๆ ระหว่างการเดินทางครั้งนี้เพื่อทำความเข้าใจจีนให้ดีขึ้น

การเดินทางของผู้แทนสิทธิ์ฯของสหประชาชาติครั้งนี้ เป็นการเดินทางไปประเทศจีนครั้งแรกของข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติตั้งแต่ปี 2548 

ด้านเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ วิจารณ์ทันที ว่าการเยือนจีนของบาเชเลต์ “เป็นความผิดพลาด” เนื่องจากเธอเป็นฝ่ายตอบรับภารกิจครั้งนี้เอง “ทั้งที่ทราบดีว่ามีเงื่อนไข”

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน หวัง เหวินปิน กล่าวเมื่อวันพุธที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่าเหตุใดสหรัฐอเมริกาจึงขุ่นเคืองได้มาก คำตอบนั้นง่ายมาก กลัวว่าการโกหกเรื่อง “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” หรือ “การใช้แรงงานบังคับ” ในภูมิภาคซินเจียงจะถูกลบล้าง และนี่คือสาเหตุที่ทำให้จีนยิ่งต้องเปิดเผยความจริงให้มากขึ้น สหรัฐได้พยายามทำให้ประชาคมระหว่างประเทศเข้าใจผิด หวังตั้งข้อสังเกตว่าไม่ว่า จำนวนคำโกหกที่สหรัฐฯ สร้างขึ้นมามากเพียงใด  แต่ความเจริญรุ่งเรืองและชีวิตที่มีความสุขของชาวท้องถิ่นไม่สามารถปกปิดได้

สหรัฐได้จัดทำเอกสารโฆษณาชวนเชื่อ “ซินเจียงลีกส์” ฝ่ายเดียว เมื่อช่วงปลายปี 2562 อ้างหน่วยงานของรัฐบาลปักกิ่งทั้งระดับท้องถิ่นและส่วนกลาง “กดขี่ข่มเหงอย่างเป็นระบบต่อชาวอุยกูร์และกลุ่มชาติพันธุ์อีกหลายกลุ่ม ซึ่งอาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ โดยใช้แหล่งข่าวจากฝ่ายต่อต้านรัฐบาลปักกิ่งซึ่งสหรัฐให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผย ผ่านกลไกNGOs และ NED แน่นอนว่าจีนปฏิเสธและประณามรายงานดังกล่าวตลอดมา จนล่าสุดสามารถเชิญUN ด้านสิทธิมนุษยชนมามาดูด้วยตาตนเองทำให้สหรัฐรับไม่ได้