ผ่าระบบ AI ทำงานแบบไหน? จะคัดกรองคนได้รับ 5,000 จาก 20 ล้านคนให้เหลือ 9 ล้านคนอย่างไร?

0

 

ผ่าระบบ​ AI ทำงานแบบไหน? จะคัดกรองคนได้รับ​ 5,000​ จาก​ 20​ ล้านคน​ให้เหลือ​ 9​ ล้านคนอย่างไร? ถ้าไม่มีฐานข้อมูลที่ถูกต้องหรือครบถ้วน ต่อให้  AI วิเศษที่ไหนก็ทำงานไม่ได้

 

สาระสำคัญ​ : หลัการสำคัญ​ AI​ จะทำงานได้ถูกต้อง​ต้องมี​ ฐานข้อมูล​ และต้องเป็น​ ฐานข้อมูลที่ถูกต้องด้วย​ , ไม่มีฐานข้อมูล​ AI​ วิเศษที่ไหนก็ทำงานไม่ได้ , มีฐานข้อมูลผิด​ AI​ ก็ทำงานผิดได้ , คำถามคือรัฐมีฐานข้อมูลแค่ไหน​ เป็น Big Data หรือยัง? และ ถ้าไม่มีหรือมีบางส่วน​ AI​ ก็ทำได้แค่​ จับคู่​ (matching)​ข้อมูลที่มี​ คนลงทะเบียน 20 ล้านคน อาจจะถูกเข้าเกณฑ์เยียวยาตามแผน 10 ล้านคนที่ตรวจสอบได้จากระบบพื้นฐานที่มี อีก10 ล้านจะเป็นแบบสุ่ม(มั่ว)​

1.จากเดิมที่คลังประมาณตัวเลขจ่ายชดเชยในส่วนของผู้ประกอบอาชีพ​อิสระที่​ 3​ ล้านคน แต่พอประกาศให้ลงทะเบียนตัวเลขล่าสุดปรากฏที่​ 20 ล้านคน​  มากกว่าที่กำหนดไว้ถึง​ 7​ เท่า!! ก็เลยมีการขยับตัวเลขใหม่จาก​ 3​ ล้านคน​เป็น​ 9​ ล้านคน​

  1. ยกมือถาม​ 3​ คำถาม : คำถามแรก​ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่แท้จริงที่ได้รับผลกระทบ​ (ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่ต้องการช่วยเหลือ)​และไม่มีข้อมูลอยู่ในระบบประกันสังคม​ จะตรวจสอบกันอย่างไร​ , คำถามที่สอง​ ตัวเลข​ 3​ ล้าน​ และ​ 9​ ล้านคนที่เพิ่มขึ้นมาจากไหน? ประเมินกันอย่างไร?  และคำถามที่​สาม​  ข้อมูลของคน​ไทย 20​ ล้านคน​ ซึ่งเป็นข้อมูล​ระดับ​ Bid Data ของประเทศ​จะอยู่ในมือของ​”เอกชน” ที่มารับดูแลระบบหรือไม่?​ (คำถามนี้ยังไม่สำคัญตอนนี้แต่ต่อไปจะสำคัญมาก)​

3.มีคำตอบว่า​ จะคัดกรองด้วยระบบ​ AI​  จาก 20 ล้านคน​ คัดกรองเหลือ​ 9​ ล้าน​  จะมีคนไม่ได้​ 11​ ล้านคน​ ระบบที่ดีต้องไม่ให้เกิดกรณีต่อไปนี้​  ก)​ ได้แบบไม่ควรได้​ และ ข)​ ควรได้แต่ไม่ได้​ จึงเกิดความสงสัยอีกว่า​ระบบ​ AI​ จะคัดกรองได้อย่างไร? ก็เลยต้องไปหาความรู้จากผู้รู้ว่าระบบ​ AI​ มีวิธีทำงานอย่างไร

  1. ระบบ​ AI​ (Artifitial Intelligent)​ มีระบบการทำงานดังต่อไปนี้​ (โดยหลักการง่ายแบบที่ชาวบ้านเข้าใจได้)​ คือ 1.​ ระบบจัดเก็บข้อมูล​ (Big​ Data)​ (ในฐานข้อมูลที่รัฐมี)​ 2.​ ระบบจัดเก็บและคัดกรอง​ (Online)​ 3.​ ระบบวิเคราะห์​ และ 4.​ ระบบแสดงผลวิเคราะห์

หลักการสำคัญ​ AI​ จะทำงานได้ถูกต้อง​ ต้องมี​ฐานข้อมูล​และต้องเป็น​ฐานข้อมูลที่ถูกต้องด้วย​ ไม่มีฐานข้อมูล​ AI​ วิเศษที่ไหนก็ทำงานไม่ได้ มีฐานข้อมูลผิด​ AI​ ก็ทำงานผิดได้ การคัดกรองจะได้ผลดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อมูลในระบบจัดเก็บข้อมูลของรัฐ​ ว่า​ รัฐมีข้อมูลของผู้ได้รับผลกระทบของโควิด-19จริง ๆเพียงพอหรือเปล่า และข้อมูล Fact Data ทั้งหมดต้องจัดเรียงในรูปแบบของ Big Data ข้อมูลจะมีที่เก็บ 2 ถัง  คือ ถัง​ 1​ เป็นข้อมูลจริงที่รัฐมี​ (เช่น​ ประกันสังคม, ทะเบียนราษฏร์, สรรพากร, ชิมช้อปใช้, 30​ บาท​ ฯลฯ)​ , ถัง 2  เป็นข้อมูลที่คนลงทะเบียนจากทางเว็บไซต์​ และข้อมูลผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ​ (จริง ๆไม่ว่าทางไหนระบบ​ AI จริง ๆจะสามารถดึงข้อมูลมาเก็บเปรียบเทียบได้) (ข้อมูลส่วนนี้นอกจาก​ เช่น​ ที่รัฐให้ลงทะเบียน​ 20​ ล้านคน​ ก็สามารถมาจากข้อมูล​ Big​ Data​ ของเอกชน​ เช่น​ Facebook, Google, Youtube, IG, Twitter, Line,​ Pantip ฯลฯ)​ ข้อมูลในถังแรกของรัฐ​ คือ​ Fact​ Data แต่ข้อมูลในถังที่สอง​ อาจมีทั้ง​ Fact​ Data​ หรือ​ Fake​ Data​ (เช่น​ พวก​อวตาร, account​ ปลอม)​

การวิเคราะห์เพื่อหาข้อมูลผู้ที่ได้รับผลกระทบจริง​ ถ้าทั้งสองถัง​มี​แต่​ Fact​ Data​ จะไม่มีปัญหา​ AI​ จะสามารถดำเนินการในขั้นที่สาม​ คือ​วิเคราะห์ว่าข้อมูลนั้น ๆถูกต้องตรงตามที่ลงทะเบียนมาหรือไม่ได้ทันที แต่ถ้า​มีทั้ง​ Fact​ Data​ และ​ Fake​ Data​ ก็จะยุ่งยากขึ้น​ เช่น​ คนที่กรอกข้อมูลว่าได้รับผลกระทบ​ แล้วไปโพสต์ในโซเซียลว่าตัวเองได้รับผลกระทบต่าง ๆนานา​ AI​ ก็อาจประเมินว่า​เป็นผู้ได้รับผลกระทบที่เข้าเกณฑ์​ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว​อาจไม่ได้รับผลกระทบตามที่รัฐอยากช่วยก็ได้

5.ประเด็นคือ​ “ระบบ​ AI” ที่รัฐเอามาทำ สามารถดึงข้อมูลเหล่านี้​ ซึ่งส่วนมากเป็นของเอกชน (ต่างชาติ)​ เพื่อมาเปรียบเทียบและคัดกรองได้​หรือไม่ ประเด็นต่อมาคือ​  มีช่องโหว่ตรงรายได้ของคนหาเช้ากินค่ำจริง ๆ คนที่ใช้ออนไลน์ไม่เป็น  พูดง่ายคือ​ ข้อมูลในถังแรกว่า​ รัฐมีข้อมูลที่ทำเป็น Big Data ครบหรือไม่

ประเด็นทางเทคนิคปลีกย่อยก็คือ​ สำหรับถังที่สอง​ รัฐอาจจะไม่ดึงข้อมูลออนไลน์ด้วย AI​ ได้เนื่องจาก AI​ ที่มีอยู่ยังไม่รู้จักภาษาไทย 100% ซึ่งคนที่เขียนโปรแกรม AI​ จะต้องสอนเบื้องต้น แค่รู้จักตัวอักษรแต่ ยังไม่รู้ความหมาย.(จึงเป็นคำอธิบายว่าทำไมการตรวจสอบ​ Fake news​ ของกระทรวงดิจิทัลถึงล้มเหลวไม่เป็นท่า)​

  1. เพราะฉะนั้น​ เป็นไปได้ที่ AI​ ในระบบนี้น่าจะเป็นแค่การจับ Matching คำเหมือน >> เช่น​ ชื่อ หรือ​ ตัวเลขรายได้ แล้วก็ให้ระบบมันวิเคราะห์ออกมาเลย ดังนั้น​วิธีการทำงานของ​ AI​ ของรัฐ คือใช้วิธีการ Matching  เช่น​ ถ้าเจอในระบบเสียภาษีหรือประกันสังคม แล้วคัดออกมา​ หรือตัดออก(กรณีซ้ำซ้อน)​ นอกจากนั้น คือ​ คนที่ไม่มีชื่อในฐานข้อมูล​ ก็จะเกิดความมั่ว​ และ​ ช่องทางมั่ว ๆ ส่วนที่ไม่มีฐานข้อมูล​ ใครจะพูดอะไรก็ได้ จะตอบอะไรได้ จะสามารถทุจริตได้เลย
  2. นอกจากนี้​ระบบตรวจสอบคัดกรองผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด19จริงๆ ต้องได้รับความร่วมมือข้อมูลจากหลายหน่วยงาน​ เช่น

1.) ฐานข้อมูลประกันสังคม เงื่อนไขที่คนที่มีสิทธิ์ได้รับ อันนี้ชัดเจนอยู่แล้ว ใครไม่เข้าสิทธิ์ตัดออก ระบบใช้วิธี matching

2.) ฐานข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเช็ค คนที่เป็นเจ้าของกิจการ ถ้ามีชื่อมาลงทะเบียน ตัดออก เพราะจะไปอยู่ในมาตรการเยียวยาข้ออื่น

3.) เทศกิจ ที่มีรายชื่อของแม่ค้าแผงลอยทั่วประเทศ (ไม่แน่ใจว่าหน่วยงานไหนรับผิดชอบ) ต้องเอาข้อมูล Big Data มาลง เพื่อจะได้รู่ว่าคนเหล่านี้ได้รับผลกระทบจริง

4.) กระทรวงพัฒนาสังคม เช่น​ แผนที่เดินดิน จะมีข้อมูลของคนที่สังคมการปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่ว่าคนนี้ทำอาชีพอะไร รายได้เท่าไหร่ เป็นข้อมูลที่กระทรวงพัฒฯควรทำไว้

5.) กรมขนส่ง เช่น​ พวกรถแท็กซี่ ได้รับผลกระทบด้วยหรือไม่ หรือกรณี​ลงทะเบียนรับสิทธิ​ แต่มีชื่อเป็นเจ้าของรถหรูนำเข้า​

6.) กรมสรรพากร ที่มีตัวเลขแน่นอนที่สามารถ match ได้

7.) ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์จากกระทรวงมหาดไทย

ทีนี้ในทั้งหมดทุกกระทรวง หน่วยงานที่ต้องร่วมมือกันทำฐานข้อมูลตรงนี้ขึ้นมา คำถามคือข้อมูลเหล่านี้เป็น Big Data หรือไม่

8.ถ้าไม่มีหรือมีบางส่วนเช่น คนลงทะเบียน 20 ล้านคน อาจจะถูกเข้าเกณฑ์เยียวยาตามแผน 10 ล้านคนที่ตรวจสอบได้จากระบบพื้นฐานที่มี อีก 10 ล้านจะเป็นแบบสุ่ม(มั่ว)​

อีกไม่กี่วันก็คงเป็นที่ประจักษ์ว่า​ จะเห็นประชาชนได้รับความช่วยเหลือ​ หรือได้รับเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะการวางแผนงานที่ไม่เป็นระบบและไม่ได้คิดให้ครอบคอบก่อนลงมือปฏิบัติ