สถานการณ์ล่าสุดในสมรภูมิยูเครน รัสเซียระดมถล่มปิดล้อมสองเมืองใหญ่ในภูมิภาคดอนบาส ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียแจง ความล่าช้าในปฏิบัติการรบในยูเครนเป็นความจงใจ เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงความสูญเสียของพลเรือนเปิดโอกาศให้ประชาชนอพยพ สหรัฐและยูเครนฉวยโอกาสกระพือข่าวว่ารัสเซียสูญเสียหนักและกำลังจะพ่ายแพ้ แต่ก็ปิดความจริงไม่มิด เรื่องกองทหารยอมแพ้ต่อเนื่อง ถึงขนาดออกกฎหมายยึดทรัพย์ประชาชนตัวเองที่สนับสนุนรัสเซีย โวยยุโรปช่วยเหลือไม่ทันใจ นายทหารโอดครวญยูเครนตกที่นั่งลำบาก แม้แต่หน่วยข่าวกรองทางทหารของยูเครนยังเชื่อว่า สงครามจะถึงจุดเปลี่ยนภายในเดือนสิงหาคม หรือที่จริงอาจเปลี่ยนก่อนที่ยูเครน-สหรัฐคาดก็ได้ เพราะปูตินทำสิ่งที่ทุกฝ่ายไม่คาดฝันเสมอ และวันนี้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ รมว.ต่างประเทศรัสเซียยืนยัน
วันที่ 25 พ.ค.2565 สำนักข่าวสปุ๊ตนิกและรัสเซียทูเดย์รายงานความเคลื่อนไหวของกองทัพรัสเซียในสมรภูมิสู้รบยูเครนว่า เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ยังประกาศชัดเจนว่า มอสโกจะยังคงเดินหน้าปฏิบัติการพิเศษทางทหารจนกว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์ทั้งหมด ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า รัสเซียเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงครามยาวนาน
ชอยกูสำทับว่า ความล่าช้าในการรุกคืบในยูเครนเวลานี้เป็นความจงใจ และเป็นความพยายามหลีกเลี่ยงการสูญเสียของพลเรือนและเปิดช่องทางอพยพอย่างต่อเนื่อง เขากล่าวว่า “แม้จะมีความช่วยเหลือทางทหารขนาดใหญ่จากตะวันตกไปจนถึงระบอบการปกครองของเคียฟ และแรงกดดันการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย เราจะดำเนินการปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อไปจนกว่าเป้าหมายทั้งหมดจะสำเร็จ”
ล่าสุดกองกำลังติดอาวุธของรัสเซียจากสาธารณรัฐโดเนตสก์และลูฮันสก์ (DPR และ LPR) ยังคงรุกคืบหน้า ผลักดันกองกำลังยูเครนให้ออกจากภูมิภาค โดยได้เข้าโจมตีจาก 3 ทิศทางเพื่อปิดล้อมสองเมืองที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครนซึ่งยังเป็นเขตควบคุมของยูเครน
ก่อนหน้านี้ กองทัพรัสเซียได้เข้าควบคุมเขตเคอร์ซอน (Kherson) ทางตอนใต้ของประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคซาโปโรซี (Zaporozhye)
เมื่อวันศุกร์ที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่าโรงงานเหล็กในเมืองมาริอูโปล เมืองท่าทางตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับอิสรภาพจากกองทหารยูเครน ยุติความขัดแย้งนานหนึ่งเดือน ทหารทั้งหมด 2,439 นายถูกจับกุมได้ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.
และในระหว่างปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน กองทัพรัสเซียเข้าควบคุมเขตเคอร์ซอนทางตอนใต้ของประเทศและเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคซาโปโรซี การบริหารราชการทหารและพลเรือนได้ก่อตัวขึ้นในภูมิภาค การออกอากาศของสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุรัสเซียได้เริ่มต้นขึ้น และความสัมพันธ์ทางการค้ากับไครเมียกำลังได้รับการฟื้นฟู เปิดโฉมหน้าใหม่ท่ามกลางการรุกรบที่ยังดุเดือดอยู่ไม่ไกล
วลาดิมีร์ โรกอฟ สมาชิกสภาหลักของฝ่ายบริหารทหารและพลเรือนในภูมิภาค (Vladimir Rogov, a member of the main council of the region’s military-civilian)กล่าวว่า “มีการพูดคุยกับรัฐบาลเคียฟ เกี่ยวกับภูมิภาคซาโปโรซีซึ่งเคยเป็นดินแดนของรัสเซียในอดีต จะกลับมาไปอยู่ภายใต้การควบคุมของเคียฟหรือไม่ยังไม่ใช่ปัญหาในตอนนี้ แต่คิดว่าคงไม่กลับคืน”
โรกอฟกล่าวว่า “อาจมีอนาคตเพียงแห่งเดียวสำหรับภูมิภาคนี้ ควรเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียควรกลายเป็นหน่วยงานที่เต็มเปี่ยมของสหพันธรัฐรัสเซีย เราไม่ต้องการโซนสีเทา เราไม่ต้องการสาธารณรัฐประชาชนซาโปโรซีที่เป็นรัฐอิสระ แต่เราต้องการเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย อย่างที่พวกเราเคยเป็นมาเป็นเวลาหลายร้อยปี”
นอกจากนี้ทางการในเขตเคอร์ซอนเรียกร้องให้จัดตั้งฐานทัพรัสเซียเพื่อรับประกันความปลอดภัย แม้ทางรัสเซียยังไม่ตอบรับ แต่การเปิดท่าทีเช่นนี้ย่อมส่งผลแน่นอนว่าต่อไปพื้นที่นี้อาจกลายเป็นกันชนในการเผชิญหน้ากับ ดินแดนยูเครนที่นาโต้กำลังเตรียมจัดสรรแบ่งเขตอิทธิพล โดยมีโปแลนด์เป็นกองหน้าแบะท่าออกมาอย่างชัดเจน
ด้านยูเครน ปธน.เซเลนสกี้ลมออกหู วิพากษ์ตะวันตกที่ช่วยเหลือยูเครนช้าทำให้สู้รัสเซียไม่ได้ ขณะเดียวกัน ไคริโล บูดานอฟ ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหารของยูเครน กล่าวว่า ความล่าช้าในการส่งมอบอาวุธให้แนวหน้าอาจทำให้เคียฟขาดแคลนอาวุธหนักอย่างร้ายแรง และเขาคาดว่า สงครามจะถึงจุดเปลี่ยนภายในเดือนสิงหาคม ประมาณว่าถ้าส่งอาวุธให้พร้อมเงินถึงจะกลับไปยึดไครเมียภายในสิ้นปีนี้
ตรงกันข้ามกับฝั่งยูเครนที่แสนจะร้อนรน ปธน.ปูติน และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เซอร์เกย์ ชอยกู ได้เข้าเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างความขัดแย้งในยูเครนเมื่อวันพุธที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากการทัวร์โรงพยาบาลทหารในมอสโกว์ เขากล่าวว่าทหารทั้งหมดที่ประจำการในต่างประเทศเป็นวีระบุรุษ และครอบครัวของผู้เสียชีวิต จะต้องได้รับการชดเชยดูแลอย่างดีที่สุด ทำให้ขวัญกำลังใจของทหารรัสเซียเหนือกว่ายูเครนและตะวันตกอย่างมาก
จับตาการเคลื่อนไหวของกองทัพรัสเซีย กำลังมุ่งเน้นการพิชิตดินแดนทางตอนใต้ของยูเครนอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจุดที่ถูกจับตามอง นอกเหนือจากเมืองสำคัญทางตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาริอูโปล (Mariupol) ยังมีพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ทั้งเมืองโอเดสซา (Odesa) และมิโคลาอีฟ (Mykolaiv) ที่รัสเซียปะทะกับยูเครนดูเดือดก่อนหน้านี้ที่เกาะงูและปราบกองทัพผสมนาโต้แฝงสำเร็จ
ทั้งสองจุดถือเป็นอีกจุดยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับการสร้างสะพานบก (Land Bridge) เชื่อมระหว่างตอนใต้ของยูเครนกับแคว้นไครเมีย ที่รัสเซียผนวกรวมไปตั้งแต่ปี 2014 ขณะที่โอเดสซายังเป็นเมืองท่าติดทะเลดำ ที่มีความสำคัญสำหรับการส่งออกน้ำมันและสินค้าของยูเครนไปยังต่างประเทศตลอดจนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์จากตะวันตกได้
ซึ่งการบุกยึดพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของยูเครนได้สำเร็จ จะยิ่งส่งผลให้การขยายแนวรบปกป้องไครเมียและดอนบาสของรัสเซียทำได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในการสู้รบนั้นที่ทำจริงรัสเซียจะไม่ประกาศ และที่ประกาศอาจเป็นเพียงยุทธวิธีเพื่อล่อลวงปิดบังยุทธศาสตร์ อย่างที่ทำสำเร็จในเฟสแรกก็เป็นได้ ต้องจับตากันต่อไปว่าเฟส3 ของรัสเซียจะเปิดขึ้นไปพร้อมกับการเร่งปลดปล่อยดอนบาสอย่างสมบูรณ์หรือไม่ ไม่นานจะได้เห็น!!