จากกรณีที่เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกลาโหมสหราชอาณาจักร ออกมาเปิดเผยต่อสื่อ ขอเรียกร้องมอสโก “ทำในสิ่งที่ถูกต้อง” และยอมปล่อยธัชพืชที่ติดค้างอยู่ตามท่าเรือต่าง ๆ ของยูเครน สืบเนื่องจากปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย เพื่อแสดงจิตวิญญาณแห่งมนุษยธรรม ท่ามกลางความกังวลว่าโลกอาจต้องเผชิญกับวิกฤตทางอาหาร แต่ขณะเดียวกัน เคียฟวิงวอนตะวันตกยกระดับเล่นงานรัสเซีย โดยเฉพาะภาคการส่งออก ชดใช้ต่อกรณีมอสโกรุกรานยูเครน
พร้อมกล่าวว่า “อย่าพูดถึงมาตรการคว่ำบาตรเลย จงพูดถึงการทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก” วอลเลซบอกกับผู้สื่อข่าวในกรุงมาดริด เมื่อถูกถามถึงจุดยืนของรัสเซีย “ผมเรียกร้องรัสเซียทำในสิ่งที่ถูกต้องด้วยจิตวิญญาณแห่งมนุษยธรรม และปล่อยธัญพืชยูเครนออกมา เป็นไปได้ว่ารัสเซียกำลังทำให้หลายประเทศทั่วโลกอดอยากธัญพืช”
ก่อนหน้านี้ยูเครนถูกมองในฐานะตะกร้าขนมปังของโลก ส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรราว ๆ 4.5 ล้านตันต่อเดือนผ่านท่าเรือต่าง ๆ ของพวกเขา ในนั้นรวมถึงข้าวสาลี คิดเป็น 12% ของโลก ข้าวโพดคิดเป็นสัดส่วน 15% และน้ำมันดอกทานตะวัน คิดเป็นสัดส่วนถึง 50% และด้วยที่ท่าเรือในเมืองโอเดสซา เมืองชอร์โนมอร์สก์และเมืองอื่นๆ ถูกกองเรือรบของรัสเซียตัดขาดจากโลกภายนอก อุปทานเหล่านี้จึงสามารถขนส่งได้เพียงในเส้นทางทางภาคพื้นเท่านั้น ซึ่งติดขัดและมีประสิทธิภาพน้อยกว่ามาก
“ประชาชนทั่วโลกต้องพึ่งพิงธัญพืชเหล่านั้น สำหรับเลี้ยงชีพตัวเอง” วอลเลซกล่าว พร้อมอ้างอิงถึงลิเบียและเยเมน เป็นตัวอย่างของประเทศที่ต้องพึ่งพิงธัญพืชจากยูเครนมากที่สุด “หยุดขโมยธัญพืช เราเห็นรัสเซียกำลังขโมยธัญพืชเอาไปเป็นของตัวเอง” เขากล่าวระหว่างเยือนกรุงมาดริด ประเทศสเปน ก่อนหน้าการประชุมซัมมิตนาโต้ในเดือนมิถุนายน
ท่ามกลางเสียงเรียกร้องเปิดทางส่งออกธัญพืช อีกด้านหนึ่งทาง ดมิทรี คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน ก็เรียกร้องตะวันตก “ให้กำจัดการส่งออกของรัสเซีย” เป็นค่าชดใช้ต่อกรณีมอสโกรุกรานประเทศของเขา วิงวอนทั่วโลกอย่าให้เงินสนับสนุน “กลไกในการทำสงคราม” ของเครมลิน
อย่างไรก็ตามน่าจับตามองสถานการณ์ในอังกฤษ ว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยกำลังเดือดร้อน เผชิญกับราคาน้ำมันแพง ขาดแคลนอาหารและธัญพืช รวมถึงปัญหาคนไร้บ้าน และต้องออกมานอนริมถนนมากขึ้นด้วย
ทำให้ในเพจเฟซบุ๊ก World Maker รายงานด้วยว่า จับตาเงินเฟ้อโลก ราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ พุ่งทะลุ 9 ดอลลาร์/mmBtu เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกในปี 2008 หลังจากความตึงเครียดทางด้าน Supply สูงขึ้น จับตารอบนี้จะไปถึง All Time High เดิมที่ประมาณ 14 ดอลลาร์/mmBtu หรือไม่ ? ขณะที่อังกฤษก็เผชิญราคาน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากสหรัฐฯ แล้ว ทางฝั่งคู่หูอย่างอังกฤษเอง ล่าสุดก็เผชิญราคาน้ำมันที่พุ่งทำระดับ Record High ใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ! โดยราคาน้ำมันเบินซินในอังกฤษพุ่งขึ้นเหนือ 1.7 ปอนด์/ลิตร (73.27 บาท) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่บันทึกข้อมูลมา
และที่น่าห่วงคือการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันนี้ เกิดขึ้นในขณะที่อังกฤษกำลังเผชิญวิกฤตค่าครองชีพสูงสุดในรอบ 40 ปีเลยทีเดียว ดังนั้นจึงค่อนข้างน่าเป็นห่วงว่ารัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาอย่างไร เพราะ World Maker พึ่งรายงานไปว่าอังกฤษกำลังเผชิญวิกฤตถึง 5 อย่างพร้อม ๆ กัน
(ไซมอน วิลเลียมส์) โฆษกขององค์กรยานยนต์อังกฤษกล่าวว่า “แม้ว่าราคาขายส่งอาจพุ่งทำระดับสูงสุดไปแล้วในช่วงสัปดาห์ก่อน แต่ก็มันยังคงสูงขึ้นอีกอย่างน่ากังวล ซึ่งหมายความว่าราคาน้ำมันหน้าปั๊มที่สูงเป็นประวัติการณ์จะไม่มีการผ่อนคลายลง ซึ่งก่อให้เกิดวิกฤตค่าครองชีพอย่างไม่ลดละ”