“ไบเดน” เหวอหนัก! โดนชาวญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ประท้วงไล่ตะเพิดขณะมาเยือน ซัดเสี้ยมผู้นำต้านจีน-รัสเซีย หลอกขายอาวุธ
จากกรณีที่ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐ เดินทางไปเยือนญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นการเดินทางเยือนญี่ปุ่นครั้งแรก นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อเดือนม.ค. ปีที่ผ่านมา ในระหว่างการเดินทางเยือนกรุงโตเกียวเป็นเวลา 3 วัน ปธน.ไบเดนจะเจรจาทวิภาคีกับนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของกลุ่ม Quad ซึ่งประกอบสหรัฐ, อินเดีย, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ไบเดน ยังได้เดินทางเยือนเกาหลีใต้เป็นที่แรก และได้พบกับ ยุน ซ็อกยอล ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ และได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชิป (Semiconductor Chip) ของซัมซุงอิเลคโทรนิกส์ร่วมกัน
เซมิคอนดักเตอร์ชิปเป็นส่วนสำคัญในเทคโนโลยีสมัยใหม่หลายอย่าง ตั้งแต่รถยนต์ ไปจนถึงเครื่องใช้ในบ้าน รวมถึงยุทโธปกรณ์ทางทหาร และจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีควอนตัมด้วย จึงถือเป็นสินค้าสำคัญที่มีความต้องการสูง แต่มีกำลังการผลิตต่ำ ซึ่งผู้ผลิตชิปเหล่านี้หลัก ๆ คือ จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้
ไบเดนเห็นความสำคัญของชิปนี้ และแสดงความสนใจที่จะสนับสนุนการลงทุนการพัฒนาการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชิปเพื่อแข่งขันกับจีนและลดการพึ่งพาจากจีน ชิปเล็ก ๆ เหล่านี้ซึ่งมีความหนาเพียงไม่กี่นาโนเมตร เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเราไปสู่ยุคต่อไปของการพัฒนาเทคโนโลยีของมนุษยชาติ
ล่าสุดทางเพจ World Update ได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นที่ม็อบชาวญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไล่ผู้นำสหรัฐ ขณะเยือน ต้นเหตุทำแผ่นดินพวกตนไม่มั่นคง โดยอ้างอิงจากสำนักข่าวรอยเตอร์ โดยระบุว่า
เมื่อวันก่อนผู้นำฝ่ายระเบียบโลกเก่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ ผู้มีสโลแกนสุดเก๋ไม่ซ้ำใครว่า “นมผงเด็กหมดไม่ว่า อาวุธหมดไม่ได้” เดินทางไปเยือนเกาหลีไต้ และญี่ปุ่น ใช้มุกเดิม “แบ่งปันข่าวกรองลวง” ว่าชาติทั้ง 2 ไม่มั่นคงแล้ว ถูกคุกคามจากจีน และรัสเซีย แต่สหรัฐ เคยทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่ญี่ปุ่น 2 ลูก เสียชีวิตเกือบ 200,000 ราย และดันหลังเกาหลีใต้ ทำสงครามกับเกาหลีเหนือ เสียชีวิตอีกราว 180,000 ราย แบบนั้นไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามใหญ่โตอะไร นานๆ ไปก็ลืมกันได้ไม่ซีเรียส ดังนั้นสองชาติต้องเร่งทุ่มงบประมาณลงทุนซื้ออาวุธสหรัฐ มาตุนสะสมไว้ให้มากที่สุด
ปีก่อนญี่ปุ่น เชื่อข่าวกรองลวงของสหรัฐ จึงทุ่มงบกลาโหมสูงเป็นประวัติการณ์ กว่า 51,700 ล้านดอลลาร์ (1.76 ล้านล้านบาท) พัฒนาขีปนาวุธพิสัยใกล้ 900 กม. , ระบบต่อต้านอากาศยานสหรัฐ ติดตั้งที่หมู่เกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น จ้างสหรัฐต่อเรือพิฆาตจำนวน 2 ลำ ติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ Aegis ของสหรัฐ งบนี้รวมถึง “ค่าคุ้มครองให้เปล่า” จ่ายเงินเดือนทหารอเมริกันราว 54,000 นายในญี่ปุ่น 120 ฐานทัพ ไปยันกระดาษทิชชู และมีทหารอเมริกันก่อคดีข่มขืนหญิงญี่ปุ่น 350 คน แล้วลอยนวล
โดยผู้นำสหรัฐ ป้อนคำหวานว่าจะดันให้ญี่ปุ่นมีอำนาจเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN) ที่ปัจจุบันมี 5 ชาติ คือ สหรัฐ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน โดยที่สหรัฐ เคยมีความพยายามจะขับรัสเซียออก แล้วเอาญี่ปุ่นเสียบตำแหน่งแทนเพื่อให้เสียงฝ่ายระเบียบโลกเก่ามีสัดส่วนมากขึ้น โดยสหรัฐ รับประกันความมั่นคงและจะยืนเคียงข้างเสมอ ทำให้นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ แห่งญี่ปุ่น ตัวลอย ประกาศตัดสินใจว่าต่อไปนี้ จะทุ่มงบประมาณไม่อั้น ซื้อและพัฒนาอาวุธเพิ่มขีดความสามารถทางทหารด้านกองเรือดำน้ำนิวเคลียร์ในมหาสมุทรแปซิฟิก และซื้อ (ใช้คำบังหน้าว่าถ่ายโอน) อาวุธรุ่นใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ
สหรัฐ ยังเร่งกระตุ้นญี่ปุ่นให้ติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางติดหัวรบนิวเคลียร์ อ้างว่าญี่ปุ่นจะมั่นคงกว่านี้ขึ้นอีก เหตุเพราะชาติในอาเซียนไม่มีชาติใดยินยอม , ส่วนเกาหลีใต้ ในปี 2022 ทุ่มงบประมาณกลาโหมกว่า 46,900 ล้านดอลลาร์ (1.58 ล้านล้านบาท) ซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดเล็ก เฮลิคอปเตอร์ ระบบดาวเทียม เรือดำน้ำ และอาวุธอื่นๆ อีกจำนวนมาก รวมถึง “ค่าคุ้มครองให้เปล่า” จ่ายเงินเดือนทหารอเมริกันราว 27,000 นาย 73 ฐานทัพในเกาหลีใต้ ไปยันกระดาษทิชชู เช่นกัน
เมื่อประชาชนใน 2 ดินแดนเห็นว่าชาติของตนไม่มั่นคงเสียแล้ว ถูกสหรัฐ ผู้ไปที่ไหนลุกเป็นไฟเดือดร้อนที่นั่น ปั่นให้กลายเป็นภัยคุกคามต่อรัสเซีย – จีน บ้านใกล้ แล้วสหรัฐ บ้านไกลก็เผ่นหนีกลับข้ามไปอีกซีกโลก พร้อมออร์เดอร์อาวุธมหาศาล ปล่อยให้ประชาชนทั้ง 2 ชาติ เสี่ยงเป็นเป้าหมายตำบลขีปนาวุธตก จึงมีชาวญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จำนวนมากที่เข็ดขยาดสงคราม ออกมาก่อม็อบและแถลงการณ์ไล่ผู้นำสหรัฐ
โดยแกนนำม็อบระบุว่า “การสร้างฐานทัพสหรัฐ และใช้ทหารญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นเครื่องมือ ไม่ต่างอะไรกับเปลี่ยนประเทศพวกเขาให้เป็นสนามรบ พวกเขาต้องการสันติภาพผ่านการทูตไม่ใช่โดยสงคราม”..ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สบายใจได้ ดูยูเครน เป็นตัวอย่าง สหรัฐรับประกันแบบนี้ หมดตัวแน่นอน