เมกาป่าเถื่อน!ผู้นำคลั่งก่อศึกนอกบ้าน เจอวิกฤตจากปืนลามร.ร.ประถม วัยรุ่นเท็กซัสดับชีพเด็กและครู 21 ราย

0

ขณะที่ผู้นำประเทศเดินสายยั่วยุขยายความขัดแย้งไปทั่ว สหรัฐก็ต้องเผชิญชะตากรรมความป่าเถื่อนในบ้านตัวเองบ่อย ล่าสุดเกิดเหตุมือปืนวัยรุ่นวัย 18 ปีบุกเข้าไปยิงเด็กนักเรียนและครูโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งที่รัฐเทกซัส ทำให้มีนักเรียนเสียชีวิตไป 19 คน ผู้ใหญ่อีก 2 คน ก่อนที่ตัวคนร้ายเองจะถูกตำรวจวิสามัญฯ นับเป็นเหตุการณ์สังหารหมู่ล่าสุดที่สร้างความสลดใจและสะท้อนความรุนแรงจากอาวุธปืนที่เป็นปัญหาเรื้อรังในสหรัฐอเมริกา แต่ไม่มีแนวโน้มการแก้ไขอย่างจริงจัง

 

วันที่ 25 พ.ค.2565 สำนักข่าวรอยเตอร์และรัสเซียทูเดย์รายงานระบุว่า เมื่อวันอังคารที่ 24 พ.ค.2565  มือปืนวัย 18 ปี ซึ่งมีชื่อว่า ซัลวาดอร์ รามอส (Salvador Ramos)  ได้ก่อเหตุยิง “ยาย” ของเขาเองจนเสียชีวิต จากนั้นก็ขับรถหลบหนีและเกิดอุบัติเหตุ ก่อนที่คนร้ายจะทิ้งรถและเข้าไปยิงนักเรียนและครูที่โรงเรียนประถมร็อบบ์ (Robb Elementary School) ในเมืองยูวัลดี (Uvalde) ซึ่งอยู่ห่างจากซานแอนโตนิโอไปทางตะวันตกราว 80 ไมล์

เกร็ก แอบบ็อตต์ ผู้ว่าการรัฐเทกซัส ยืนยันว่าคนร้ายถูกวิสามัญฯ ในที่เกิดเหตุ และมีตำรวจถูกกระสุนบาดเจ็บไปอีก 2 นาย แต่อาการไม่รุนแรง

ทางการสหรัฐฯ เชื่อว่ามือปืนน่าจะลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว และยังไม่ทราบแรงจูงใจ

กระแสข่าวที่ออกมาในช่วงแรกๆ ค่อนข้างสับสน กระทั่งสำนักงานอัยการสูงสุดแห่งรัฐเทกซัสได้ออกคำแถลงอย่างเป็นทางการว่า มีผู้เสียชีวิตเป็นเด็ก 18 คน และผู้ใหญ่อีก 2 คนรวมมือปืน ขณะที่โฆษกสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะแห่งรัฐเทกซัสให้ข้อมูลกับ CNN ในเวลาต่อมาว่า มีผู้เสียชีวิตเป็นเด็กนักเรียน 19 คน และผู้ใหญ่อีก 2 คน ซึ่งยังไม่รวมตัวมือปืนเอง

เมื่อดูจากระดับชั้นที่เปิดสอนในโรงเรียนแห่งนี้คาดว่าเด็กๆ น่าจะอยู่ในช่วงวัย 7-10 ปี

โรงพยาบาล University Hospital ที่เมืองซานแอนโตนิโอยืนยันผ่านทวิตเตอร์ว่าได้รับผู้บาดเจ็บ 2 รายจากเหตุกราดยิงที่ยูวัลดีเข้ารักษาตัว โดยเป็นหญิงวัย 66 ปี และเด็กหญิงอายุ 10 ขวบ ซึ่งทั้งสองอาการยังอยู่ในขั้น “วิกฤต”

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯเพิ่งเดินทางกลับจากเดินสายเยือนเอเชีย ได้มีคำสั่งลดธงครึ่งเสาจนถึงวันที่ 28 พ.ค. เพื่อไว้อาลัยต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น และได้เปิดแถลงข่าวเมื่อช่วงค่ำวันอังคารที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเรียกร้องให้ชาวอเมริกันลุกขึ้นสู้กับกลุ่มล็อบบี้อาวุธปืน และกดดันให้สมาชิกสภาคองเกรสผ่านกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่มีประสิทธิภาพกว่าที่เป็นอยู่

อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐฯ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าตัวเขาเองจะตอบสนองเรื่องนี้อย่างไร และไม่ได้เรียกร้องให้มีการกำหนดนโยบาย หรือผลักดันสภาคองเกรสลงคะแนนโหวตในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

เขากล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นชนชาติ เราคงต้องตั้งคำถามว่าเมื่อไหร่เราถึงจะยืนหยัดต่อสู้กับกลุ่มล็อบบี้ด้านอาวุธปืนเสียที? เมื่อไหร่เราถึงจะทำในสิ่งที่เราต่างก็รู้ดีว่าจะเป็นต้องทำ?” 

เหตุสะเทือนขวัญดังกล่าวทำให้เกิดข้อถกเถียงอีกครั้งในสังคมอเมริกันเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธปืนในสหรัฐฯ โดยกฎหมายเปิดช่องให้ชาวอเมริกันสามารถครอบครองอาวุธปืนได้อย่างเสรี ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานถึงความเหมาะสมและความปลอดภัยของผู้บริสุทธิ์

ฮิลลารี คลินตัน โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์โดยเรียกร้องให้มีการควบคุมอาวุธปืน “เราแค่ต้องการสมาชิกสภานิติบัญญัติที่เต็มใจที่จะหยุดความรุนแรงจากปืนในอเมริกาที่คร่าชีวิตลูกหลานของเรา” 

คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ กำหนดนโยบายที่ “สมเหตุสมผล” เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า “มันต้องจบลงได้แล้ว สหรัฐฯ ต้องกล้าที่จะดำเนินการ และทำให้นโยบายสาธารณะมีความสมเหตุสมผล เพื่อสร้างหลักประกันว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”

เหตุกราดยิงโรงเรียนประถมร็อบบ์กลายเป็นหนึ่งในเหตุสังหารหมู่ในโรงเรียนครั้งเลวร้ายที่สุดของสหรัฐฯ ถัดจากโศกนาฏกรรมที่โรงเรียนประถมแซนดีฮุคในรัฐคอนเนตทิคัตเมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2012 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไปถึง 26 คน รวมเด็กนักเรียน 20 คน และหลังจากนั้นในปี 2018 ก็เกิดกรณีที่อดีตนักเรียนคนหนึ่งพกปืนเข้าไปกราดยิงครูและนักเรียนเสียชีวิต 17 ราย ที่โรงเรียนมัธยม มาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส ในเมืองพาร์คแลนด์ รัฐฟลอริดา