หลังจากที่เคยมีประเด็นข่าวรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้มีคำเตือนไปถึงชาติตะวันตก เมื่อช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้ว่า รัสเซียจะยกเลิกสัญญาการซื้อขายสินค้าและพลังงานทั้งหมด ซึ่งถือเป็นการตอบโต้อย่างเข้มแข็งที่สุดของรัสเซียต่อมาตรการลงโทษต่าง ๆ ที่สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรนำมาใช้กับรัสเซียในช่วงกว่าสองเดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เกิดปัญหากับยูเครน ซึ่งจะห้ามการส่งออกสินค้าและวัตถุดิบต่าง ๆ ไปยังบุคคลและนิติบุคคลที่อยู่ในรายชื่อผู้ที่ถูกทางการรัสเซียลงโทษ
ทั้งนี้เมื่อชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซียมากขึ้น ทำให้อินเดียเล็งซื้อกิจการของชาติตะวันตกในรัสเซียต่อ ไม่ได้สนใจจะเดินตามเกมของสหรัฐฯที่อยากจะให้ชาติอื่น ๆ รวมตัวแบนรัสเซีย นอกจากนี้อานิสงส์ของการที่ชาติอื่น ๆ ร่วมคว่ำบาตรรัสเซีย ทำให้รัสเซียตัดสินใจจะเลิกส่งน้ำมัน ก๊าซ และพลังงานให้บางประเทศกลุ่ม EU แต่จะหันมาขายให้เอเชียในราคาย่อมเยาว์แทน นอกจากนี้รัสเซียยังเตรียมนำเข้าผลไม้ไทย กระชับความสัมพันธ์กับไทยมากยิ่งขึ้นด้วย
ล่าสุดทางสำนักข่าวอาร์ทีของรัสเซียรายงานด้วยว่า นายแม็กซิม เรเชตนิคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของรัสเซีย ซึ่งร่วมประชุมความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่กรุงเทพฯ ได้กล่าวภายหลังการประชุมว่า ด้วยมาตรการคว่ำบาตรจากตะวันตกที่เกี่ยวข้องกับกรณียูเครนนั้น จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและไทยที่ส่งผลให้มูลค่าการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 343,000 ล้านบาทต่อปี
“รัสเซียยังคงตั้งเป้ามูลค่าการค้าระหว่างประเทศกับไทยไว้ที่ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเชื่อว่าจะสามารถบรรลุเป้าได้ โอกาสใหม่เริ่มปรากฏแล้ว นั่นคืออุตสาหกรรมยานยนต์ ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่แข็งแกร่งมาก”
ที่ผ่านมาการค้าระหว่างรัสเซียกับประเทศแถบเอเชียใต้มีมูลค่า ถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์ในปี 2564 ซึ่งเชื่อว่าผลจากการคว่ำบาตรของสงครามยูเครน จะยิ่งทำให้ตัวเลขระหว่างรัสเซียกับประเทศคู่ค้าทวีคูณมากขึ้นในปีต่อไป
สำหรับไทยและรัสเซียมีความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจที่สำคัญโดยเฉพาะ พลังงาน น้ำมัน ผลิตภัณฑ์น้ำมัน ก๊าซและปุ๋ย ตลอดจนผลิตภัณฑ์ด้านอาหารและวิศวกรรม ศักยภาพของภาคเอกชนไทยสามารถเติมเต็มในส่วนที่รัสเซียได้รับผลกระทบจากชาติตะวันตกคว่ำบาตรได้ นอกจากนี้ทั้งสองประเทศซึ่งได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 125 ปีที่แล้ว จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-รัสเซียมีอนาคตที่สดใส
พร้อมทิ้งท้ายว่า “ประเทศไทยไม่เพียงมีประวัติศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่ดีในการพัฒนา และแน่ใจว่าเราจะมีอนาคตที่สดใส”
