เชียร์แหลก!! ฮุนเซนชงอาเซียนเข้ากลุ่มBRICS ตลาดเศรษฐกิจใหญ่ 43%โลก รับมือโลกเปลี่ยน

0

ในฐานะเป็นประธานอาเซียน ฮุนเซนเสนอให้ประเทศสมาชิกอาเซียน เร่งความร่วมมือกับกลุ่มบริกส์ ตลาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 43% ของโลกที่ประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ เนื่องจากพัฒนาการของโครงสร้างเศรษฐกิจโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 

วันที่ 23 พ.ค.2565 สำนักข่าวพนมเปญโพสต์รายงานว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซนแห่งกัมพูชา ได้เรียกร้องให้อาเซียนและกลุ่มประเทศบริกส์ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่สำคัญ 5 ประเทศ ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ร่วมฟื้นฟูระบบพหุภาคีโดยด่วน ซึ่งให้ความสำคัญกับความสามัคคีเพื่อจัดการกับความท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นในภูมิภาคล่าสุดและการพัฒนาอย่างรวดเร็วในกิจการระดับโลก

เขากล่าวในการประชุมครั้งที่ 2 ของพรรคการเมือง กลุ่มวิจัย และองค์กรภาคประชาสังคมจากประเทศกลุ่ม BRICS เมื่อวันที่ 19-20 พฤษภาคม ภายใต้หัวข้อ “ความสามัคคีและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาร่วมกับอนาคตที่สดใส”

ฮุน เซน กล่าวว่า ธีมของฟอรัมนี้คือการตอบสนองอย่างทันท่วงทีต่อความท้าทายทั้งแบบดั้งเดิมและไม่ใช่แบบดั้งเดิมที่ประชาคมระหว่างประเทศกำลังเผชิญอยู่

“ในบริบทที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่แน่นอนและซับซ้อน เราไม่สามารถละทิ้งกลไกพหุภาคีได้ หากเราตั้งใจจริงที่จะจัดการกับความท้าทายร่วมกัน” เขากล่าวเสริมว่า  “อาเซียนและบริกส์ เป็นเช่นเดียวกับประชาคมระหว่างประเทศโดยรวม จำเป็นต้องเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในการฟื้นฟูระบบพหุภาคี ซึ่งให้ความสำคัญกับความสามัคคีในการรับมือกับความท้าทาย”

ในการประชุม นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้สองกลุ่มประเทศ รวมทั้งประชาคมระหว่างประเทศโดยรวม ให้ความสนใจต่อระเบียบระหว่างประเทศที่ยึดตามกฎของสหประชาชาติ มากขึ้นและส่งเสริมความร่วมมือมากกว่าการเผชิญหน้า

ฮุนเซนย้ำว่า “เราไม่ควรจำกัดประเทศอื่น ๆ ด้วยการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียว การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ หรือการคว่ำบาตรอื่น ๆ ที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ตลอดจนหลักการและวัตถุประสงค์หลักที่กำหนดไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ” 

เกี่ยวกับวิกฤตโควิด-19 เขากล่าวว่าอาเซียนและกลุ่มประเทศบริกส์จำเป็นต้องส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าประเทศสมาชิกของพวกเขาอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติปี 2030

เขาชมเชยประเทศสมาชิก BRICS ที่นำโดยจีนโดยกล่าวว่า “เขาสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในโครงการพัฒนาระดับโลก ซึ่งรวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศและความพยายามในการช่วยเหลือประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดใหญ่” 

ฮุนเซนกล่าวว่าประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งหมดจะเพิ่มความพยายามร่วมกันเป็นสองเท่า ในการเสริมสร้างความเป็นศูนย์กลางและความยืดหยุ่นของกลุ่ม เขาเสริมว่าพวกเขากำลังส่งเสริมการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพของความคิดริเริ่มและมาตรการที่ตกลงกันไว้ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงกรอบการฟื้นตัวของอาเซียนที่ครอบคลุม ข้อตกลงการค้าเสรี และความสามารถของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อตอบสนองความต้องการของยุคดิจิทัล

Kin Phea, director of the Royal Academy of Cambodia’s International Relations Institute. KT/Tep Sony

คิน เฟีย ผู้อำนวยการสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของกัมพูชา (Kin Phea, director of the Royal Academy of Cambodia’s International Relations Institute)กล่าวว่า ความเห็นของฮุน เซน สะท้อนถึงสถานการณ์ปัจจุบันในประเด็นที่เป็นข้อกังวลมากมายในโลก และว่า “โลกต้องการความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความร่วมมือภายใต้กรอบของลัทธิพหุภาคี”

เฟียกล่าวว่า “เนื่องจาก ลักษณะไร้พรมแดนของปัญหาด้านความปลอดภัย ปัญหาสิ่งแวดล้อม และการระบาดใหญ่ของ Covid-19  ซึ่งปัญหาต่างๆดังกล่าวไม่ได้หยุดอยู่เพียงชายแดนของประเทศใดประเทศหนึ่ง ทุกประเทศต่างได้รับผลกระทบเสมอกัน มากบ้างน้อยบ้างแต่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นการส่งเสริมพหุภาคีจึงมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศขนาดเล็กและองค์กรระดับภูมิภาค” 

เฟียเน้นว่ากัมพูชาจำเป็นต้องพึ่งพาความร่วมมือของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคและโลกเสมอมา เพื่อรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองของตนเอง และแสดงความเสียใจกับความร่วมมือดังกล่าวที่ลดลงเล็กน้อยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านม าจากสิ่งที่เขาตั้งข้อสังเกตว่า การเกิดขึ้นของแนวโน้มฝ่ายเดียวหรือแนวโน้มการกีดกันแบ่งฝ่ายที่ส่งผลกระทบต่อการค้าเสรีและความมั่นคง

พา จันเรือน(Pa Chanroeun) ประธานสถาบันเพื่อประชาธิปไตยกัมพูชากล่าวว่า “ผู้นำกัมพูชาแสดงความนับถืออย่างสูงต่อระบบระหว่างประเทศที่นำโดยสหประชาชาติ เป็นวิธีและกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มโอกาสสำหรับกัมพูชาในการร่วมมือทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง และเพื่อให้มั่นใจว่าโลกมีระบบป้องกันที่แข็งแกร่ง สำหรับฐานะของประเทศเล็กๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” 

ทั้งนี้ กลุ่มบริกส์ (BRICS) คือตัวย่อของกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว อันประกอบด้วย บราซิล (Brazil), รัสเซีย (Russia), อินเดีย (India), จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) มีจํานวนประชากรรวมกันแล้วมากกว่า 43% ของประชากรโลก

ในเชิงกายภาพ Brazil+Russia+India+China มีพื้นที่รวมกันมากกว่า 1 ใน 4 ของโลก และมีสัดส่วน GDP ประมาณ 1 ใน 4 ของโลกเช่นกัน (ประมาณ 13.7 แสนล้านดอลลาร์อเมริกัน)

มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศรวมกันถึง 4.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ  สัดส่วนในการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI) มากถึงร้อยละ 11 และมีสัดส่วนในการค้าโลก 17%

การรวมตัวของ BRICS มีลักษณะของการเป็น “พันธมิตรต่างทวีป” เพื่อขยายอํานาจทางเศรษฐกิจที่กําลังเติบโตให้เป็น “อํานาจทางการเมือง” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร และพลังงานของโลก