สหรัฐดิ้น! จีนผลิต “ชิป” ใช้เองแล้ว แถมประสิทธิภาพเหนือกว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ก็สั่งซื้อไปใช้

0

จากกรณีที่ฟรองซัวส์-ฟิลิปป์ ชอมปาญน์ รัฐมนตรีอุตสาหกรรมแคนาดา เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี ตามเวลาท้องถิ่น ระบุว่า แคนาดาได้แบนการใช้งานอุปกรณ์ 5G ของบริษัทจากประเทศจีนสองแห่ง ได้แก่ แซดทีอี และหัวเว่ย

โดยรัฐมนตรีอุตสาหกรรมแคนาดา กล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นการปกป้องความปลอดภัยและความมั่นคงของประชาชนชาวแคนาดา การประกาศแบนการใช้อุปกรณ์หัวเว่ยของแคนาดา ถือเป็นการตัดสินใจตามรอยสหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งประกาศห้ามใช้อุปกรณ์ของสองบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีแดนมังกรไปก่อนหน้านี้

โดยเขาระบุว่า การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ได้ตรวจสอบเอกสารเต็มรูปแบบของหน่วยงานความมั่นคง และการปรึกษากับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่ใกล้ชิดกับแคนาดา การตัดสินใจนี้อยู่บนพื้นฐานของการปกป้องชาวแคนาดา และการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมของประเทศ อีกทั้งยังเชื่อว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจครั้งนี้หมายความว่า บริษัทโทรคมนาคมของประเทศแคนาดาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ของแซดทีอีและหัวเว่ย ส่วนบริษัทที่ติดตั้งไปแล้วก่อนหน้านี้จะต้องถอดอุปกรณ์ของทั้งสองแบรนด์ออก

ขณะที่ทางด้านโฆษกสถานทูตจีนในเมืองออตตาวา กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า เป็นข้ออ้างที่บิดเบือนข้อเท็จจริงด้วยเหตุผลทางการเมือง และบอกอีกด้วยว่า รัฐบาลแคนาดาทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ หวังกระทำการปราบปรามบริษัทจากประเทศจีน

ต่อมา ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีสงครามชิงชิป ระหว่างจีนกับอเมริกา ระบุว่า

กรณีอเมริการ่วมมือกับแคนาดาจับตัวผู้บริหาร huawei​ มันเป็นแค่ส่วนนึงที่อเมริสกัดกั้น​จีน ถ้าตามข่าวดีๆ ทุกเหตุการณ์​ที่อเมริกา​มีต่อจีนช่วงหลังๆ เหตุใดอเมริกาตั้งหน้าตั้งตาตั้งตัวเป็นอริต่อจีน ทำไมโกรธแค้นจีนถึงปานนั้น คำตอบคือ จีนไปแตะถูกชีพจรที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของอเมริกา
ชีพจรที่ว่าคือ คือการที่จีนไล่ตามทันเทคโนโลยีที่อเมริกาคิดไม่ถึงว่าจีนจะไล่ตามทันจนกำลังก้าวล้ำนำหน้าอเมริกาด้วยความรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีเกี่ยวกับ “ชิป” ปฏิบัติการที่ใช้ในอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ หรือในอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหลายแหล่
อย่าคิดว่าเจ้า “ชิป” ตัวเล็กๆจิ๋วนี้เป็นแค่แผ่นวงจรเล็กๆนะ แต่ไอ้ตัวนี้แหละคือ “อาวุธหนัก” ที่ทรงพลังอำนาจเหนือกว่าอาวุธใดๆทุกชนิด นับตั้งแต่โทรศัพท์ รถยนต์ รถถัง เครื่องบินพานิชย์ เครื่องบินรบ จรวด ดาวเทียม คอมพิวเตอร์ การสื่อสาร ฯลฯ เยอะแยะไปหมด
เทคโนโลยี​ทุกอย่างล้วนแต่อาศัย “ชิป” ตัวเล็กจิ๋วนี้ทั้งนั้นในยุคปัจจุบัน คือเมื่อก่อนอเมริกาไม่รู้สึกร้อนหนาวหรอก ในเมื่อจีนยังไม่สามารถผลิตชิปเป็นของของตัวเองขึ้นมาใช้งานได้ และคิดว่าจีนยังไม่มีศักยภาพพอที่จะผลิตชิปเองได้ด้วย จีนต้องซื้อชิปจากอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี มาใช้งานทั้งนั้น จีนเลยตระหนักดีว่าหากไม่สามารถผลิตชิปของตนเองได้ ก็อย่าหวังว่าจะสร้างความมั่นคงให้กับปท.ชาติได้ จึงมุมานะวิจัยคิดค้นเพื่อจะผลิตชิปของตนเอง และก็ทำสำเร็จในการผลิตชิปที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าอเมริกา​ภายได้ภายใน 5 ปีเท่านั้น
จากความสำเร็จอันนี้ก็เท่ากับไปกระตุกชีพจรของอเมริกาเข้าจังๆ เมื่อผลิตชิปเองได้ ต่อไปจีนก็สามารถผลิตนวัตกรรม​ใดๆก็ได้โดยไม่ติดขัด และต่อไปราคาชิปก็จะถูกลง จนอเมริกาจะขายชิปในราคาแพงกอบโกยสร้างรายได้มากมายไม่ได้แล้ว เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้แหละ ปัจจุบันชิปที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือชิปของ Huawei​ เหนือกว่าของอเมริกาจน Microsoft​ กำลังจะสั่งซื้อไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของ Microsoft เอง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทางการจีนสั่งให้หน่วยราชการและบริษัทรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับของรัฐ เปลี่ยนผ่านการใช้คอมพิวเตอร์พีซีที่เป็นแบรนด์ต่างประเทศ มาใช้คอมพิวเตอร์ที่เป็นเทคโนโลยีจีนภายใน 2 ปี ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงและความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงเพื่อลดการสนับสนุนหรือพึ่งพาเทคโนโลยีทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จากต่างชาติ โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐให้ได้มากที่สุด โดยมีแนวโน้มว่าภายใต้คำสั่งดังกล่าว เฉพาะคอมพิวเตอร์พีซีของหน่วยงานในสังกัดรัฐบาลกลาง นั่นหมายถึงจีนอาจต้องโละคอมพิวเตอร์แบรนด์ต่างชาติทิ้งอย่างน้อย 50 ล้านเครื่อง