สมคิด ถกคลัง ประเมินเศรษฐกิจไทย จำเป็นออกมาตรการชุด3ช่วยทุกกลุ่มโควิด-19 หลังช่วยเหลือลูกจ้าง แรงงาน อาชีพอิสระมาแล้ว ต้องดูแลผู้ประกอบการด้วย
จากกรณีวันนี้(2เม.ย.63) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าภายหลังการประชุมร่วมกับ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้มีการประเมินเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ และเห็นว่าจำเป็นต้องเร่งออกมาตราการดูแลเศรษฐกิจชุดที่ 3 ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งประชาชน และกลุ่มเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ กลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่และรายเล็ก รวมถึงมาตรการในการดูแลเสถียรภาพตลาดเงินและตลาดทุน เนื่องจากภาพเศรษฐกิจจริงถูกโยงไปกับภาคตลาดเงินและตลาดทุน
นอกจากนี้รองนายกฯ ยังกล่าวอีกว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 3 จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วาระพิเศษ ที่จะประชุมในวันที่ 3 เม.ย.2563 พิจารณาเห็นชอบในหลักการว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว จะดูแลในส่วนใดบ้าง ใช้งบประมาณเท่าไหร่ และจะใช้แหล่งเงินจากที่ไหนบ้าง ซึ่งจะมีทั้งการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ในการจัดหาแหล่งเงินเพื่อใช้ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ ซึ่งยังไม่ขอบอกว่าเป็นจำนวนเท่าไหร่ หลังจากนั้นจะเสนอให้ที่ประชุม ครม. ในวันที่ 7 เม.ย. พิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง
“ถ้า ครม.วาระพิเศษเห็นชอบในหลักการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดนี้ จะสามารถดูแลเศรษฐกิจไทยได้อีก 6 เดือน ประชาชนจะได้รับการช่วยเหลือ ผู้ประกอบการสามารถอยู่ต่อไปได้ โดยที่ยังรักษาสถานะการจ้างงานไว้ได้ และเสถียรภาพด้านตลาดเงินและตลาดทุนจะมีความมั่นคง เป็นเรื่องที่รัฐบาลมองไปข้างหน้า เป็นการเตรียมพร้อมไว้เลย โดยหาก ครม.วาระพิเศษเห็นชอบในหลักการ ก็จะเสนอให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาในรายละเอียดอีกครั้งในวันที่ 7 เม.ย. นี้” นายสมคิด กล่าว