จากที่จีระพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.)และสื่อมวลชน เข้าตรวจสอบ “หลวงปู่แสง ญาณวโร” พระเกจิชื่อดัง อายุ 98 พรรษา ที่อาศัยอยู่ในที่พักสงฆ์ พื้นที่บ้านดงสว่าง อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธรนั้น
ต่อมา ในสื่อสังคมออนไลน์ได้เกิดกระแสติดแฮชแท็ก #SAVEหลวงปู่แสง โดยเพจเฟซบุ๊ก “ราชสีห์ จิตอาสา” ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “พระชรากับสีกา.. มันสมควรแล้วหรือ ต้องดูเจตนาของคนสร้างข่าว และขบวนการที่พาสีกาเข้าไปมีจุดประสงค์อะไร ผมยังคงศรัทธาท่าน พระกรรมฐานที่บวชเรียนกับหลวงปู่มั่น ท่านอายุเข้า 100 ปี พรรษาที่ 76 เป็นศิษย์ที่มีอายุสูงสุดปัจจุบันนี้ของหลวงปู่มั่น ที่ยังมีชีวิตอยู่”
สำหรับประเด็นข้อร้องเรียนดังกล่าวนั้น พระอุปัฏฐาก (พระผู้ดูแล) แจ้งว่า หลวงปู่เป็นโรคอัลไซเมอร์และมีอาการอาพาธ ไม่สามารถเดินได้ จะนั่งด้านหน้าบริเวณกุฏิเท่านั้น ซึ่งเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพระธรรมวินัย ทางพศ.ยโสธร จะได้นำกราบนมัสการเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอฝ่ายธรรมยุต เพื่อพิจารณา ผลเป็นประการใด จะมีการรายงานมายัง พศ.ต่อไป
ล่าสุดวันนี้ 13 พฤษภาคม 2565 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี(พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ)ได้ออกมาให้ข้อมูลถึงกรณีดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กว่า “ขบวนการนารีพิฆาตพระ
1 ระยะปีเศษมานี่ มีเหตุการณ์ พระสงฆ์ถูกกล่าวหา ในทางมิดีมิร้ายหลายครั้ง เป็นเหตุการณ์แปลกๆ จนพระสงฆ์ต้องสึกออกไปหลายรูปแล้ว ทำให้ต้องตั้งข้อสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งพบว่ามีทั้ง 2 ประเภทคือ พระไม่เป็นพระจริงๆ อย่างหนึ่ง และพระที่ถูกข้อกล่าวหาและสึกออกไป แบบแปลกๆอีกอย่างหนึ่ง
2 จากการติดตามปรากฏว่า ทุกเรื่องจะมี 2 ขั้นตอน ~ ขั้นตอนแรก จะเป็นการรวบรวม สร้างหลักฐาน ว่าพระประพฤติ ไม่ถูกต้อง มีการบันทึก คลิปต่างๆไว้ ~ ขั้นตอนที่ 2 จะเป็นขบวนการ ที่ประหลาดมากคือไม่ได้เป็นเจ้าพนักงาน โดยตรงที่มีหน้าที่
แต่เป็นคนภายนอก และมีสื่อมวลชน บางประเภทเข้าร่วม จากนั้นก็ยกทีมกันไปแฉพระโดยมีการออกข่าวเรื่องล่วงหน้า ตีเป็นกระแส ในที่สุดพระก็สึกออกไป
กระบวนการที่ 2 นี้ เป็นชาวพุทธหรือไม่? มีประวัติเป็นมาอย่างไร? และมีอำนาจหน้าที่อย่างไร? จึงเป็นเจ้ากี้เจ้าการ รับเรื่องที่อ้างว่ามีการร้องเรียน แล้วไปจัดการกันเอง ทั้งที่มีสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นเจ้าของเรื่องอยู่แล้ว รัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ กิจการพระศาสนาก็มีอยู่แล้ว!!!! เห็นเรื่องดังขึ้นมาพระก็สึกออกไปแล้ว และทุกเรื่อง จะมีเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวข้องทั้งสิ้น!!!
3 เกิดกระแสตีกลับขึ้น ก็จากกรณีหลวงปู่แสง ซึ่งเป็นพระสายปฏิบัติในสายของพระอาจารย์มั่น ซึ่งเป็นเสาหลัก ของพระปฏิบัติในประเทศไทย หากเสาหลักนี้ล้มลงแล้ว พระพุทธศาสนาก็จะเสื่อมสลายไปจากประเทศไทย อย่างรุนแรง
ที่เกิดเป็นกระแสตีกลับ ก็เพราะว่า ~ หลวงปู่แสงท่านมีอายุ 105 ปีแล้ว แต่ในทะเบียน แจ้งอายุน้อยกว่าอายุจริง ว่าอายุเกือบร้อยปีเท่านั้น แม้ปานนั้นแล้วก็เห็นได้ชัดว่า โดยสภาพร่างกายไม่อยู่ในฐานะ ที่จะล่วงเกินทางเพศกับผู้ใดอีก
~ ปรากฏความชัดว่าหลวงปู่แสงท่านประสบอุบัติเหตุ เมื่อช่วงอายุ 87 และเป็นโรคอัลไซเมอร์หลงๆลืมๆ ยิ่งมีอายุมากขึ้น ความทรงจำ และความหลงเลือนก็เกิดมากขึ้น ตามประสาผู้มีอายุมากขนาดนั้น และอาการที่กระทำต่อกรณีที่เกิดขึ้นก็เป็นรูปแบบเดียวกันกับที่ท่านปฏิบัติต่อคนอื่น ลักษณะความเคยชิน
~ กรณีเกิดเหตุที่นำมาเป็นข่าวกันนั้นเห็นได้ชัดว่ามีการจัดฉากร่วมมือ ระหว่างผู้เป็นอุปฐากดูแลหลวงปู่แสงกับพวกที่เอาสตรี ขึ้นไปถ่ายทำคลิปวีดีโอ ซึ่งทำการต่อหน้าคนหลายคน ผิดวิสัย ของผู้ที่คิดล่วงเกินทางเพศผู้อื่น ตรงนี้คงเกิดขึ้นเพราะบาปกรรมบันดาลให้เป็นไปก็ได้
ตรงนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการสมรู้กันจัดฉาก และมีเรื่อง เกี่ยวกับการดื่มปัสสาวะซึ่งไม่ได้เกี่ยวกันเลย และในเรื่องดื่มปัสสาวะนั้น แต่โบราณมา ก็มีการดื่มกัน แม้มหาตมาคานธี หรือ เนห์รูก็ดื่มปัสสาวะพระสงฆ์หลายรูปก็ดื่มปัสสาวะเพราะเป็นยาอย่างหนึ่ง
ผมเองก็เคยเขียนเรื่องนี้ไว้ในหนังสืออายุวัฒนะนานมาแล้ว แต่พวกไม่รู้ความก็ไปเขียนเรื่องผิดๆให้เข้าใจผิด ให้ไปศึกษาดูคำว่า”น้ำมูถเน่า”ในพระวินัยดูก็จะเข้าใจได้ ในขณะที่กฎระเบียบของวัดก็ชัดเจนว่าห้ามสตรีเข้าไปใกล้พระ เหตุการณ์แบบนี้ เพียงสังเกตนิดเดียวก็เห็นชัดว่าเป็นการสมรู้กันจัดฉาก
~ มีข่าวว่าหลวงปู่แสงมีเงินฝากในบัญชีถึง 57 ล้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ลูกศิษย์ลูกหาทำกันเองทั้งสิ้น เพราะอายุขนาดนี้จะไปเปิดบัญชีได้อย่างไร จะนำเงินเข้าฝากได้อย่างไร? การจัดฉากเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้อง กับความต้องการหรือผลประโยชน์ในเงิน 57 ล้านนี้ก็ได้!!!!
ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว จึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องตรวจสอบขบวนการสึกพระครั้งนี้สักครั้งหนึ่ง ตรวจสอบถึงประวัติความเป็นมาของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ว่าเป็นชาวพุทธหรือไม่? มีประวัติความเป็นมาอย่างไร? มีอาชีพอะไร? อาศัยฐานะและเครือข่ายอะไร จึงไปทำหน้าที่สึกพระไม่หยุดไม่หย่อน!!!!
และกรณีหลวงปู่แสงนี้จะต้องตรวจสอบถึงผู้ใกล้ชิดและที่มาของข่าวสารทั้งหมดที่นำมาออกสื่อ เพราะนี่เป็นเบาะแสสำคัญ ที่แสดงให้เห็นว่าอาจมีการสมรู้กัน ถ้าหากผลการตรวจสอบ มีข้อเท็จจริงชัดเจนประการใดแล้ว ก็อาจจะมีอานิสงส์ในการปกป้องพระพุทธศาสนา โดยบังเอิญก็ได้”