หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯอนุมัติร่างงบประมาณช่วยเหลือยูเครนมากกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ ด้วยคะแนนเสียง 368 ต่อ 57 โดยทุกเสียงที่โหวต “ไม่เห็นด้วย” ล้วนมาจากพรรครีพับลิกัน คาดว่าร่างกฎหมายนี้จะถูกส่งไปยังวุฒิสภาเพื่อดำเนินการอย่างรวดเร็ว ก่อนส่งให้ “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯลงนามต่อไปนั้น
โดยข้อมูลจากแหล่งข่าวในรัฐสภาหลายคนระบุว่า ร่างงบประมาณดังกล่าวครอบคลุมเงิน 3,400 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือด้านอาหาร และอีก 3,400 ดอลลาร์เพื่อเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารในยูเครน ท่ามกลางการทุ่มงบจำนวนมากช่วยเหลือยูเครนนั้น น่าจับตามองสถานการณ์ในสหรัฐ ที่ต้องเผชิญกับอัตรเงินเฟ้อ และปัญหาปากท้องอื่น ๆ ที่ตามมาอย่างมากมาย ทั้งค่าพลังงาน และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงสุด
ทั้งนี้ราคาน้ำมันในสหรัฐพุ่งสูงสุดทำสถิติใหม่ที่ 4.37 ดอลลาร์ต่อแกลลอน (1 แกลลอนเท่ากับ 3.785 ลิตร ดังนั้น เท่ากับราคาน้ำมันในสหรัฐขณะนี้ตกลิตรละเกือบ 40 บาท) ซึ่งสูงกว่าสถิติเดิมเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ 4.33 ดอลลาร์ต่อแกลลอน อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยต่อแกลลอนในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2.97 ดอลลาร์เท่านั้น
โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลในสหรัฐพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในวันที่ 10 พฤษภาคม แสดงให้เห็นว่ายังไม่มีการปรับตัวในการขจัดผลกระทบจากเงินเฟ้อ ขณะที่ต้นทุนราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากโลกกำลังพยายามหาอุปทานทางเลือกเพื่อทดแทนน้ำมันจากรัสเซีย
ก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเงินเฟ้อที่เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิด-19 แต่ราคาพุ่งสูงขึ้นอีกรอบหลังจากรัสเซียบุกยูเครนในปลายเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ผู้นำชาติตะวันตกพากันหันไปคว่ำบาตรภาคพลังงานของรัสเซีย
ขณะที่ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ทำให้ชาวอเมริกันไม่พอใจ เนื่องจากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นถึง 8.5% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมปีก่อน ซึ่งทำให้รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน พยายามจะหาทางแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ที่ผ่านมา ไบเดนให้คำรับประกันกับชาวอเมริกันว่า ฝ่ายบริหารของเขาจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อลดราคาน้ำมันลงโดยไม่ส่งผลกระทบให้การทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงตามไปด้วย ก่อนหน้านี้เขาได้ประกาศปล่อยน้ำมันจากคลังสำรองฉุกเฉินของสหรัฐวันละ 1 ล้านบาร์เรล เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อชดเชยราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไบเดนยังกล่าวโทษพรรครีพับลิกันที่ได้พยายามกล่าวโทษรัฐบาลมากมาย แต่ไม่เคยเสนอวิธีแก้ไขปัญหาแม้แต่เพียงวิธีเดียวที่จะทำให้ราคาพลังงานลดลงได้จริง และรัฐบาลยังไม่เลือกที่จะระงับภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บจากการขายน้ำมันแกลลอนละ 18 เซนต์ เพื่อเป็นทางเลือกในการลดราคาน้ำมันอีกด้วย