จากที่วันนี้ 11 พฤษภาคม 2565 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ออกเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯระหว่างวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2565 นั้น
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสุดยอดอาเซียน – สหรัฐฯ ครั้งที่ 2 นี้ เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ ในการกระชับความสัมพันธ์และหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน
สำหรับการเดินทางของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ มีกำหนดการสำคัญนอกเหนือจากกำหนดการในกรอบการประชุมอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ โดยจะเป็นโอกาสให้ได้พบหารือกับผู้นำ ทั้งประธานาธิบดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สหรัฐฯ และผู้แทนระดับสูงอื่นๆ เพื่อผลักดันความร่วมมือการขับเคลื่อนการฟื้นฟู และการเติบโตอย่างยั่งยืนของภูมิภาค ในยุคหลังโควิด – 19 รวมทั้งจะได้ส่งเสริมการมีบทบาทที่สร้างสรรค์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้
รวมทั้งเป็นโอกาสได้พบกับภาคเอกชนสหรัฐฯ เพื่อย้ำความพร้อมของไทยในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจและเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ และย้ำความพร้อมของไทยในการเป็นห่วงโซ่อุปทานที่เข้มแข็งกับสหรัฐฯ และในการเป็นหุ้นส่วนกับภาคเอกชนสหรัฐฯ ตลอดจนเป็นโอกาสในการขับเคลื่อนการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค 2022 ของไทย
โดยในวันที่ 12 พฤษภาคม นายกรัฐมนตรีจะมีกำหนดการสำคัญ ได้แก่ ผู้นำรัฐสภาสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้นำอาเซียน ผู้นำอาเซียนพบหารือกับผู้แทนนักธุรกิจสหรัฐฯ ณ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้นำอาเซียน ณ ทำเนียบขาว
ขณะที่เฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen, Cambodian Prime Minister ได้โพสต์ข้อความระบุถึง สมเด็จฮุนเซน ที่ได้เดินทางไปร่วมประชุมครั้งนี้ด้วยว่า
“วันที่ 10 พฤษภาคม นําตัวแทนอาวุโสชาวกัมพูชาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ พิเศษที่วอชิงตัน ตั้งแต่ 12-15 พฤษภาคม 2022
ในฐานะประธานอาเซียน กัมพูชาจะต้องเป็นประธานร่วมในการประชุมสุดยอดพิเศษอาเซียน-สหรัฐฯ และเพื่อเป็นการรําลึกถึงครบรอบ 3 ปีของการร่วมสนทนาอาเซียน-สหรัฐฯ อยู่ในสหรัฐอเมริกา จะพบกับผู้นําที่สําคัญ และเพื่อนชาวเขมรอเมริกันที่อาศัยอยู่ที่นั่นรออยู่
ฝากเพื่อนร่วมชาติ ดูแลสุขภาพกันต่อไป ไม่ให้ผ่าน Covid 19 และขอให้ประชาชนชาวเขมรทั้งในและต่างประเทศ พบเจอแต่ความสุข ความโชคดีทุกท่าน”
ขณะที่นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ให้ข้อมูลถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า
“นาโต 2 การเดินทางไปอเมริกาของลุงตู่งวดนี้ มีเสียงคัดค้านไม่เห็นด้วยออกมามากมายจากซีกส่วนของนักเคลื่อนไหว และสื่อมวลชน แต่มีคำถามในใจที่อยากถามออกมาดังๆ ไบเดนเชิญลุงตู่และผู้นำอาเซียนให้เดินทางไปเยือน ทำไมเราถึงจะไม่ไป
ไทยมีความสัมพันธ์ทั้งทางการเมืองและการค้า มีผลประโยชน์ร่วมกับอเมริกา มูลค่าการค้าของไทยกับอเมริกาสูง ไม่เอาอเมริกาสินค้าไทยจะไปขายใคร เราคงไม่เดินถอยหลังไปพึ่งตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไปเพียงตลาดเดียว เราต้องกระจายการตลาดของไทย ไม่ผูกพันกับประเทศหนึ่งประเทศใดจนต้องกลายเป็นพึ่งพิง ขาดเค้าไม่ได้ อำนาจการต่อรองของประเทศจะหายไปหรือลดลง
บทเรียนการเดินเกมการเมืองระหว่างประเทศในอดีต สอนเราไว้เยอะ บางประเทศมีแต่คำหวานๆ ไม่ทิ้งไทยแน่ แต่เอาเข้าจริง ไม่เคยรักใครจริง นอกจากผลประโยชน์ของประเทศตัวเอง
การเมืองระหว่างประเทศ นโยบายระหว่างประเทศต้องไม่ตั้งอยู่บนความกลัว แต่กำหนดจากผลประโยชน์และความมั่นคงแห่งชาติ ทุกนโยบายเราจะได้อะไรและเสียอะไร ทุกนโยบายต้องมีการชั่งน้ำหนัก ผ่านการพิจารณาของสภา ความมั่นคงแห่งชาติ คณะรัฐมนตรีและสภาผู้แทนฯ
ไทยคงต้องถ่วงดุลมหาอำนาจและไม่ถลำอยู่ในวังวนความขัดแย้ง สงครามในตะวันออกกลางและยูเครน ได้สอนคนไทยไว้เยอะ สงครามทำลายทุกอย่าง ไทยจะไม่ฝักใฝ่ใคร เราจะไม่เลือกค่าย
นาโต2 ไม่มีอยู่ในหัวข้อเจรจา แต่ถึงที่สุดหากอเมริกันจะเสนอ ไทยและอาเซียนก็แค่รับฟังและกลับมาหารือกันในหมู่เพื่อนอาเซียน เสียงไม่ชักศึกเข้าบ้านคงดังไปถึงวอชิงตัน เสียงนี้จะทำให้ลุงตู่มีอำนาจต่อรองสูงขึ้นในการปฏิเสธ หากมีข้อเสนอมาจากฝ่ายนั้นจริง”