อ่วมเละ!สหรัฐฯวิกฤตไม่หยุด โพลเผยชัด คนว่างงานเพียบ ผลผลิตร่วงหนักสุด ศก.รวนทั้งชาติ!?

0

สำหรับความคืบหน้าสถานการณ์ในรัสเซียและยูเครน ที่ยังไม่มีท่าทีจะจบลง ท่ามกลางการจับตาเกาะติดจากทั่วโลก ว่าในวันที่ 9 พ.ค. วันแห่งชัยชนะของรัสเซียในอดีตนั้น จะมีเหตุการณ์อะไรสำคัญ ที่รัสเซียแสดงนัยยะบางอย่างต่อสงครามหรือไม่ แม้ว่าสหรัฐ จะยังรวมส่งเงิน อาวุธจำนวนมากให้ยูเครนต่อสู้กับรัสเซีย แต่ก็ถูกกองทัพรัสเซียทำลายเครื่องมือบางส่วนไปได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ทั้งนี้ในขณะที่สงครามยังคงเดินหน้าต่อไปนั้น สงครามด้านเศรษฐกิจในสหรัฐก็แย่ไม่แพ้กัน ทั้งค่าเงินดอลลาร์ที่เจอปัญหาและราคาหุ้นในบริษัทต่าง ๆ รวมทั้งยังมีตัวเลขคนว่างงานที่แสดงออกมา รวมไปถึงผลผลิตในภาคอุตสาหรรมต่าง ๆ ด้วย

โดยก่อนหน้านี้ได้มีนักวิชาการหลายท่าน ประเมินไว้ว่า สหรัฐจะต้องรับผลการกระทำ ที่แบนรัสเซีย ด้วยการเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย เงินเฟ้อ และสหรัฐ จะไม่ใช่เบอร์หนึ่งของโลกอีกต่อไป

ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊ก World Maker ได้รายงานว่า ตำแหน่งงานว่างในสหรัฐฯ พุ่ง All Time High ถึง 11.5 ล้านตำแหน่ง และ 4.5 ล้านคนลาออกจากงาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงปัญหาขาดแคลนลูกจ้าง ในขณะที่นายจ้างต้องขึ้นค่าแรงเพื่อดึงดูดคน

ล่าสุดมีรายงานว่า ‘ตำแหน่งงานว่าง’ หรือ Job opening (งานที่เปิดรับสมัครอยู่) ในสหรัฐฯ มีรวมกันมากกว่า 11.5 ล้านตำแหน่งแล้วในตอนนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐฯ กำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก ในขณะที่นายจ้างต้องแข่งกันขึ้นค่าแรงเพื่อดึงดูดคนงาน

ตำแหน่งงานว่างเพิ่มขึ้นอีก 2 แสนตำแหน่งเป็น 11.5 ล้านตำแหน่งจากเดิม 11.3 ล้านตำแหน่ง และในขณะเดียวกันพบว่ามีชาวอเมริกันลาออกจากงานมากถึง 4.5 ล้านคน (ข้อมูลทั้งหมดเป็นของเดือนมีนาคม แต่เป็นตัวเลขที่พึ่งประกาศออกมาล่าสุด) แม้แต่ Jerome Powell เองก็ยอมรับว่าตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ FED จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะมันส่งผลต่อเงินเฟ้อโดยตรง

ทั้งนี้พบว่ามีการลาออกเพิ่มขึ้นในงานด้านการบริการ และงานก่อสร้างระดับมืออาชีพ รวมถึงภาคธุรกิจ ซึ่งเราจะต้องมาจับตามองกันต่อไปว่าสหรัฐฯ จะสามารถแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานครั้งนี้ได้อย่างไร

รวมไปถึงผลผลิตของสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกของปี 2022 ร่วงลงมากที่สุดในรอบถึง 75 ปี !!! โดยผลผลิตรายชั่วโมงนอกภาคเกษตรหดตัวถึง -7.5% ต่อปีจากไตรมาสก่อนหน้า

การหดตัวอย่างรุนแรงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากขยายตัวถึง +6.3% ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งโดยปกติแล้วผลผลิตของสหรัฐฯ มักจะมีความผันผวนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาในครั้งนี้ก็คือ หลังจากมีการระบาดใหญ่และสงครามทางการค้า รวมถึงสงครามในยูเครนเข้ามา ความผันผวนทั้งหมดนี้มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในระยะเวลาสั้น ๆ และมีแนวโน้มที่จะ ‘ใช้เวลาอีกหลายปี’ กว่าจะกลับมาเป็นปกติสมบูรณ์ 100%

ทั้งนี้ผลผลิตที่หดตัวอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ทำให้เหล่านายจ้างต้องแข่งขันกันมากขึ้นไปอีกในด้าน ‘ค่าจ้างแรงงาน’ ที่มีแรงผลักดันจากภาวะเงินเฟ้ออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว โดยล่าสุด Bloomberg กล่าวว่าผลตอบแทนรายชั่วโมง(ค่าแรงรายชั่วโมงของลูกจ้าง) เพิ่มขึ้น 3.2% ในไตรมาสแรก แต่ด้วยการที่ผลผลิตลดลง นั่นจึงทำให้ต้นทุนต่อ 1 หน่วยแรงงานจริง ๆ เพิ่มขึ้นถึง 11.6% และทำให้ค่าใช้จ่ายทางด้านแรงงานโดยรวมเพิ่มขึ้น 7.2% ต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1982 เลยทีเดียว

ปัจจัยทางด้านต้นทุนและราคาทั้งหมดนี้ ทำให้นักวิเคราะห์ชั้นนำเริ่มคาดการณ์กันแล้วว่าเงินเฟ้อบางส่วน ‘จะคงอยู่อย่างถาวร’ ในขณะที่ผลผลิตภาคการเกษตร ซึ่งคิดเป็น 70% ของ GDP สหรัฐฯ ก็หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี

สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างหนึ่งก็คือ รายงานระบุเอาไว้อีกว่า ‘รายได้ที่แท้จริงของแรงงาน’ ซึ่งหมายถึงรายได้ที่หักลบกับเงินเฟ้อแล้ว ได้ลดลงถึง -5.5% ต่อปี ดังนั้นคงต้องมาติดตามกันอย่างใกล้ชิดว่ากลุ่มแรงงานจะเริ่มประท้วงเพิ่มค่าแรงอีกหรือไม่ ?