จบศึกอภิปราย “ประยุทธ์”!? ล้างบางพลังประชารัฐ! งานนี้มีคนถูกตะเพิดพ้นพรรคแน่!
ก็คงจะฟันธงยืนยันได้แล้วว่า ข่าวการล้มพลเอกประยุทธ์ ภายใต้ยุทธศาสตร์ 3 ประสาน นั่นก็คือสร้างม็อบนอกสภา สร้างกระแสประชาชนให้ลงชื่อ ใส่ชุดดำติดริบบิ้นดำ แล้วอภิปรายในสภาให้โยงไปที่พลเอกประยุทธ์ เป็นเป้าหมายเดียว เพื่อที่จะให้มีการโหวตล้มพลเอกประยุทธ์ โดยเอาส.ส.จากซีกรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นในพรรคพลังประชารัฐเองจากพรรคเล็กหรือจากบางส่วนที่คาดหวังว่าจะได้จากประชาธิปัตย์ที่เคยเป็น กบฎพรรค ไม่มีใครยืนยันข่าวนี้ แต่ไม่มีไฟก็ไม่มีควัน ได้ยินกับหูทั้งจากในพลังประชารัฐและจากพรรคเล็ก แต่พลเอกประยุทธ์ก็ไม่เคยแสดงอาการใดๆ วันหนึ่งจะมีโอกาสเจอกับเพื่อนของพลเอกประยุทธ์เป็นทหารรุ่น 12 ด้วยกัน ถามว่าพลเอกประยุทธ์รู้เรื่องนี้หรือเปล่าเพื่อนของพลเอกประยุทธ์ ก็บอกว่ารู้ ถามว่าทำไมถึงเงียบ ก็บอกรู้จักคนชื่อประยุทธ์น้อยไป
เมื่อวานชัดเจน ที่รัฐสภา พลเอกประยุทธ์ออกมายืนยันด้วยตัวเอง ว่าข่าวนี้เป็นความจริงและการแสดงตัวออกมายืนยันนั้น ไม่ได้เป็นการยืนยันเฉยๆ เพราะมีจังหวะการเคลื่อนไหวที่ติดตามกันด้วย ตั้งแต่ 9.20 นาทีโดยประมาณ พลเอกประยุทธ์มาถึงรัฐสภาให้สัมภาษณ์นักข่าว บอก 2 เรื่องที่จะขอยืนยันตรงนี้เลย ใครจะพูดอะไรก็ตามแต่ จะไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีในตอนนี้และจะไม่มีการยุบสภา ไม่มีในสมองผมเลยเพราะฉะนั้นใ ครที่ออกไปพูดในลักษณะนี้ ให้ระวังตัวไว้ด้วยแล้วกัน เพื่อสร้างความตื่นตระหนกอะไรก็แล้วแต่ ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็มีหลายข่าวที่ได้ติดตามมาโดยตลอด ถ้ามีใครทำเช่นนั้นจริง ผมคิดว่าเป็นคนที่ใช้ไม่ได้
หมายความว่า ที่มีการไปประชุมในพรรคพลังประชารัฐและพูดจนถึงเรื่องไม่สบายใจที่กระทรวงมหาดไทย ไม่ได้สนับสนุนส.ส. ทำให้การทำงานของส.ส.พรรคพลังประชารัฐไม่สามารถไปหาเสียงกับประชาชนได้ จึงจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรืออะไรก็ตามแต่มันไม่สามารถวิเคราะห์ได้ แต่เรื่องมันยึดโยงกันแบบนั้น ผู้สื่อข่าวก็ถามว่า แล้วคุยกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือยัง เขาก็บอกว่า คุยกันแล้ว พลเอกประวิตร ท่านก็บอกว่าไม่มีอะไร คุยกันข้างในเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีการปล่อยข่าวเช่นนี้ออกมา ผมไม่สบายใจ และพลเอกประวิตรก็ไม่สบายใจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นมาจากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ พลเอกประยุทธ์ ก็บอกว่า ไม่ได้มองตรงนั้นใครจะเป็นแกนนำหรือไม่เป็นแกนนำ สมาชิกทุกคนต้องเข้มแข็งและต้องยึดมั่นในสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง ตรงนี้สำคัญ ถ้าใครไปกล่าวอ้างใครต่างๆทั้งหมด อย่าไปเชื่อถ้าสงสัยถามนายกได้ทุกคน นายกอาจจะห่างบ้าง เพราะทำงานคนละบทบาท แต่ยินดีให้คำปรึกษาต่างๆและได้เตือนอยู่เสมอว่า การทำอะไรก็ตามหรือแม้การใช้จ่ายงบประมาณอะไรก็ขอให้บริสุทธิ์ โปร่งใสและถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง
อันนี้ก็เป็นการเปิดช่อง เรียกว่าเปิดตั้งแต่ตอนเช้าว่า อย่าไปเชื่อข่าว มีอะไรเข้ามาคุยได้ นี่เราจะเห็นการปรับตัวของพลเอกประยุทธ์ จากการที่ส.ส.พลังประชารัฐ ไปพูดว่าติดต่อไม่ได้ พูดคุยไม่ได้ พลเอกประยุทธ์ก็ย้ำต่อไปว่า เพราะฉะนั้น วันนี้ที่เป็นข่าวอยู่ 2-3 เรื่องคือ การโหวตล้มนายก เรื่องนี้ถ้ามันจริง ผมถือว่าไม่ใช่สุภาพบุรุษ แล้วเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ต้องมาทำอย่างนั้น ทำไปเพื่ออะไรผมเข้ามาทำงาน 100% ทุกเรื่องที่มีข่าวว่าจะมีการไปรวมคะแนนเสียงโหวต ซึ่งจริงไม่จริงผมไม่ทราบ ผมถือว่า ไม่ใช่สุภาพบุรุษ ถ้าทำแบบนี้
ส่วนที่ 2 ที่ปล่อยเขาจะมีการยุบสภาให้ทุกคนตื่นตระหนกและมีการไปพูดทำนองเรื่องของกำลังพล ทำให้นายกไม่มีอำนาจในการยุบสภา เรื่องที่ 3 มีการแอบอ้างหรือเปล่าผมยืนยันว่า ทุกเรื่องแอบอ้างทั้งสิ้น แอบอ้างเรื่องอะไรไปดูต่อ นายกก็ย้ำยืนยันไม่มีการยุบสภา เรากำลังทำงานหนักอยู่ งานสำคัญ เราจะยุบสภาได้ยังไง เรื่องการแอบอ้างเบื้อง
สูง ว่าจะมีการเปลี่ยนตัวนายก ถือว่าผิดอย่างร้ายแรง ผมคนเดียวเท่านั้น ที่มีโอกาสถวายข้อราชการ คนอื่นไม่มี ชัดเจนมั้ย
เพราะในข่าวที่ออกมา มีแต่เพียงข่าวว่า จะมีกลุ่มส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐ โหวตล้มนายก แต่ไม่เคยมีข่าวออกมาเลยว่า มีการแอบอ้างเบื้องสูง การที่นายกออกมาพูดเรื่องนี้เอง แสดงว่ามีการอ้างจริง แล้วข่าวไปถึงนายก ใครจะเป็นคนแอบอ้าง ก็น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้นายกโกรธมาก ถือว่าทำให้เกิดความเสียหายขึ้น และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ ก็คือเรื่องที่คนตั้งคำถามกันมากว่า สามป. แตกกันหรือเปล่า พลเอกปะยุทธ์ ยืนยันว่า พลเอกประยุทธ์ มั่นใจพลเอกประวิตร นายกบอกว่า พลเอกประวิตร ยืนยันกับผมมาโดยตลอดทุกวัน ก็ได้คุยตั้งแต่มีข่าวเรื่องนี้เกิดขึ้น พลเอกประวิตรบอกว่าจะไปสืบสวนให้ วันนี้มีการสอบแล้ว พลเอกประสิตรบอกว่าไม่มี ตรงนี้สำคัญ อาจจะหลงหูหลงตาหรือเปล่า ก็ไม่รู้หน้า ตรงนี้น่าสนใจ แต่ยืนยันได้ว่า สถานการณ์เมื่อวานในสภา ทั้งพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร เรียกคนที่มีข่าวเกี่ยวข้องทั้งหมดมาพูดคุยเป็นระลอกๆ สรุปนี่คือประเด็นที่พลเอกประยุทธ์มาแถลงแต่เช้า
และต่อมาเวลา 14.45 น. ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่บอกว่า มีกระแสข่าวว่า ตนได้เดินสายประสานพรรคเล็ก เพื่อให้โหวตคว่ำนายกในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนเป็นส.ส.มาปีนี้ เป็นปีที่ 3 แล้ว ชื่นชมสื่อมวลชนทุกสำนักยกเว้นสำนักข่าวที่พยายามนำเสนอให้ตนเสียหาย ขอให้มีจริยธรรมและสำนึกเสนอข่าวเรื่องต่างๆด้วย อย่าคิดเองเออเองและเขียนเอง ไม่พูดว่าจริงหรือไม่จริง แล้วก็โทษสื่อ ในรายละเอียด ร.อ.ธรรมนัสบอกว่า คงจำกันได้ว่า ตั้งแต่เลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐที่ขอนแก่น เมื่อได้รับเลือกตั้งเป็นเลขาธิการพรรค ก็ยืนยันว่าจะนำพรรคพลังประชารัฐให้เป็นสถาบันการเมืองที่มีความเข้มแข็งเป็นที่พึ่งของประชาชน ตัวเองก็จะทำต่อไป ดังนั้น ที่มีข่าวลือกล่าวหาว่า ตนทำนู่นทำนี่ ไม่จริง
แม้กระทั่งตนลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ก็มี ส.ส.หลายคนโทรมาถามเรื่องหัวหน้าพรรคเล็กเสนอรับเงิน 10 ล้านและร้ายไปกว่านั้น มีรัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐรับงานมาลอบบี้ทั้งส.ส. เพื่อไทย ส.ส. ประชาธิปัตย์ แม้กระทั่งส.ส.ในพลังประชารัฐ เพื่อให้โหวตสนับสนุนคนใดคนหนึ่ง ที่น่าสนใจที่ ร.อ.ธรรมนัสพูดมาว่ามีรัฐมนตรีของพรรคพลังปรชารัฐ ไปเดินสายให้สนับสนุนคนใดคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าคนใดคนหนึ่งนั้นเป็นใครถ้าส.ส.พลังประชารัฐ จะให้สนับสนุนคนใดคนหนึ่ง ก็ต้องเป็นรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าเป็นอย่างนั้น ถ้าลอบบี้นี้ ถ้าจะให้สนับสนุน ก็มีเฉพาะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีสุชาติ หรือรัฐมนตรีชัยวุฒิ ของพรรคพลังประชารัฐ น่าสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ร.อ.ถามต่อว่า ก็ต้องถามว่า เป็นรัฐใในตรี สมควรที่จะทำอย่างนี้หรือไม่ ควรเห็นประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง คนที่ว่า 4 ช. ฝากไปบอกเขาด้วยว่า ทำอะไรให้ประเทศชาติบ้าง อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว สรุปว่า พรรคพลังประชารัฐแบ่งเป็น 2 ขั้วแน่นอน
รัฐมนตรีที่ไปลอบบี้ให้สนับสนุน ก็ต้องสนับสนุน ไม่นายก ก็คุณสุชาติ หรือคุณชัยวุฒิ หรือขั้วนี้เป็นคนละขั้วกับ ร.อ.ธรรมนัส นอกเหนือจากนั้น ร.อ.ธรรมนัส ยังขยายความไปถึงไอ้ห้อยไอ้โหน ซึ่งก็น่าจะเป็นคนในพลังประชารัฐหรือคนที่เข้ามาเคลื่อนไหว ร.อ.ธรรมนัสบอกว่า ตนเองไม่ใช่คนประเภทเหยียบหางหน่อย แล้วแหกปาก ขบวนการล้มนายกจะมีหรือไม่มี ก็ต้องย้อนกลับไปถามคนให้ข่าว ต้องบอกว่าคนให้ข่าวไม่ใช่คนของพรรคฝ่ายค้าน แต่เป็นคนของฝ่ายรัฐบาลเอง ไอ้ห้อยไอ้โหนทั้งหลายที่ชอบเลียแข้งเลียขาให้สำเนียกบ้าง ซึ่งบางคนตนได้บันทึกเทปไว้หมดแล้ว เดี๋ยวเจอกัน
แล้วขอตั้งคำถามกลับไปยังท่านห้อยท่านโหนว่า ท่านได้นำนโยบายของนายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติบ้างหรือไม่ ท่านทำเหมือนผมหรือไม่ สุดท้ายข้อสรุปที่เจ็บ ผมไม่โกรธใคร ไม่แค้นใครแต่ผมจำหน้า และพี่น้องร่วมอุดมการณ์ผมเยอะ ไม่ต้องห่วง คือสรุปย้ำด้วยว่าเลือกตั้งครั้งหน้า อาจจะไม่ส่งสมัครรับเลือกตั้ง และพูดต่อว่า และกระแสข่าวที่เกิดขึ้นตนไม่จำเป็นพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี เนื่องจากนายกก็เคยพูดแล้วว่า ขอพูดกับหัวหน้าพรรคเท่านั้น ตนในฐานะลูกพรรคและเลขาธิการพรรค ถามว่ามีวันไหนที่ไม่นั่งทานข้าวกับหัวหน้าพรรคบ้างและการประชุมพรรคพลังประชารัฐที่ผ่านมา ต้องถามว่าตนได้พูดอะไรเกี่ยวกับการเลื่อยขาเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านได้ยินจากปากตนหรือ ตนพูดว่า ส.ส.ในพรรคอึดอัดหลายเรื่อง
และสุดท้ายนี้ เมื่อพูดถึงเรื่องการโหวตล้มนายก ธรรมนัสก็บอกว่า ต้นมีชื่อติดอยู่หนึ่งในบุคคลที่ร่วมล้มนายก ในรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่า หนึ่งเสียงของส.ส.คือเสียงของประชาชน เพราะฉะนั้น ส.ส.เขารู้จักคิด รู้จักคำว่าเขาจะทำอะไร เราไม่สามารถไปครอบงำเขาได้ มติพรรคจะไปทำโน่นทำนี่ไม่ได้ มันผิดรัฐธรรมนูญ พรรคพลังประชารัฐไม่ทำอย่างนั้น นี่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าเป็นธรรมนัส ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรค ก็จะจะต่อท้ายด้วยได้ อย่างไรก็ตามผมจะไปชี้แจงเข้าใจว่า ท่านนายกที่ทำงานหนักขนาดไหน ทำเพื่อประชาชนมากมายขนาดไหน ที่ฝ่ายค้านมันมาโจมตีโน่นนี่นั่นไป เพราะเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นแกนหลักในการจัดตั้งรัฐบาล
ถ้าจะให้ชัดแล้วต้องดูตอนเย็นที่นายกให้สัมภาษณ์อีกครั้ง เวลานายกก่อนตอน 9.20 น. ร้อยเอกธรรมนัสตอน 14. 45 น. ตอนเย็นนายกให้สัมภาษณ์อีกครั้งหนึ่ง ก็ถึงตอนบ่ายก่อนที่นายกมนตรีจะเดินทางกลับ เวลาประมาณ 16.20 น. ผู้สื่อข่าวเข้าไปถามนายกว่า อารมณ์ดีหรือยัง นายกก็บอกว่า อารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสดี ก็ถามต่อว่า ได้คุยกับร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐแล้วหรือยัง นายกบอกว่า ทำไมต้องคุยล่ะ ผู้สื่อข่าวตอบว่า ก็มีกระแสข่าวว่า เป็นผู้เคลื่อนไหวเกี่ยวกับการลอบบี้ คะแนนเสียงโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจไง
พลเอกประยุทธ์ตอบว่า เป็นเรื่องของเขา เมื่อผู้สื่อข่าวระบุว่า ร้อยเอกธรรมนัส ปฏิเสธว่าไม่ได้ลอบี้เสียง ส.ส. พลเอกประยุทธืบอกว่า ไม่รู้เหมือนกัน เขาพูดแล้วหรอ ไม่รู้ พยายามลงรายละเอียดคำให้สัมภาษณ์ของท่านนายกและร้อยเอกธรรมนัส และตบท้ายของท่านนายกอีกที เพื่อเห็นว่า มันไม่มีความลงตัวในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและที่สำคัญ พลเอกประยุทธ์ไม่เชิญร้อยเอกธรรมนัส ซึ่งถือว่าเป็นคนสำคัญ ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคมาคุย แต่พลเอกประยุทธ์เชิญส.ส.แต่ละกลุ่มมาพูดคุยหมด ทั้งพวกที่มีรายชื่อและไม่มีรายชื่อ กลุ่มเพชรบูรณ์ของสันติ ซึ่งมีรายชื่อเกี่ยวข้องอยู่ด้วย ก็เรียกมากลุ่มของวิรัช รัตนเศรษฐ นครราชสีมา ก็เรียกมา กลุ่มส.ส. ใต้ เพื่อตอกย้ำความมั่นใจเพราะส.ส.ใต้ ช่วงหลัง ร.อ.ธรรมนัส ก็เข้าไปมีความสัมพันธ์อยู่เยอะ แต่ไม่เรียกร้อยเอกธรรมนัส แล้วพลเอกประวิตรก็เชิญส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ มายืนยันว่าต้องโหวตสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เพราะทำงานให้กับประเทศชาติ ในฐานะหัวหน้าพรรค แต่ที่สำคัญ ยังได้มีการเชิญหัวหน้าพรรคเล็ก ซึ่งมีข่าวว่าเป็นคนที่รายงานข่าวเรื่องนี้ให้พลเอกประยุทธ์มาเพื่อทวนความ ทบทวนว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
วันนี้ สามป.ยังไม่แตกกัน ความผูกพันอย่างเหนียวแน่นเหมือนเดิม แต่น่าสนใจ ข่าวเงินสะพัดมาเป็นพันล้าน ส.ส. พรรคเพื่อไทยเป็นคนเดินเกมเรื่องนี้เอง เป็นส.ส.ทางเหนือ ว่ากันว่า ไม่จบ ต้องสู้ จะเสียพันล้านมันคุ้ม ทุ่มเทไม่รู้เท่าไหร่แล้ว จะล้มพลเอกประยุทธ์ ล้มไม่ได้ เที่ยวนี้ถ้าโหวตล้มพลเอกประยุทธ์ได้ จบบทบาททางการเมืองของพลเอกประยุทธ์อย่างแน่นอน แต่ถ้าไม่จบบอกได้เลยว่า มีการล้างบาปในพรรคพลังประชารัฐแน่นอน