ฟาดหน้า “ทูตUSA” เผือก จี้ปล่อยตัวแกนนำหมิ่นสถาบัน ขณะศาลให้ประกัน”เอกชัย” เทียบหมิ่นปธน.สหรัฐ ติดคุกอื้อ !?!
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่ช็อคในสายตาและหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ และประเด็นเรื่องนี้เกี่ยวโยงกับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเข้ามาวุ่นวาย โดยเฉพาะเรื่องราวในประเทศไทยที่พวกม็อบสามกีบ ขัดขวางขบวนเสด็จของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ซึ่งเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 วันนี้ อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องนายเอกชัย หงส์กังวาน กับพวกผิด ตามมาตรา 110 ถือว่าเป็นคดีที่มีโทษร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับความผิดตามมาตรา 110 กฎหมายบัญญัติเอาไว้ชัดเจนว่า ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์หรือเสรีภาพของพระราชินี รัชทายาทหรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุก ตั้งแต่16-20 ปี วรรค 2 ผู้ใดพยายามกระทำเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน สำหรับวรรค 3 ถ้าการกระทำนั้น มีลักษณะอันน่าจะเป็นอันตรายแก่พระชนม์หรือชีวิต ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต หากมีท่าทีหรือแสดงออกว่า การกระทำนั้น มีลักษณะจะเป็นอันตรายต่อพระชนม์หรือชีวิต อันนี้ประหารชีวิตเลย ผู้ใดกระทำการอันเป็นการตระเตรียมเพื่อประทุษร้ายต่อพระองค์หรือเสรีภาพของพระราชินีรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือรู้ว่าจะมีผู้ประทุษร้ายต่อพระองค์หรือเสรีภาพของพระราชินี รัชทายาท หรือประทุษร้ายต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ การกระทำใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 12-20 ปี หนักมากสำหรับโทษที่ได้กำหนดไว้ สำหรับพระราชินี องค์รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทน มีฐานะลดหลั่นลงจากพระมหากษัตริย์ เพียงแค่ลำดับเดียวเท่านั้น
ดังนั้น จึงไม่แปลกครับที่กฎหมายกำหนดโทษไว้สูงเช่นนี้ สำหรับนายเอกชัย หงส์กังวาน ชัดเจนว่าเป็นม็อบสามกีบคนหนึ่ง ที่ได้พยายามแสดงบทบาทของตัวเองให้โดดเด่นขึ้นมา แต่ไม่เคยได้ขึ้นเป็นแกนนำ วันนี้ขนาดโดนคดีหนักขนาดนี้ ยังปากดีบอกว่า เรื่องนี้เวลาก็ล่วงเลยมา 5 เดือนอยู่แล้ว หากหลบหนีก็ทำได้ง่ายๆ แต่ไม่เคยคิดที่จะหนีและที่สำคัญ อยากให้เข้าใจว่า วันนี้ตนไม่ได้มาขอความเมตตาจากศาล แต่ต้องการความเป็นธรรม นำเสนอประโยคเด็ดนี้มา เพื่อที่ต้องการจะให้ศาลประกันตัว เพราะพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ย้ำว่าเหตุการณ์นี้ เป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง สิ่งแรกตั้งแต่เกิดเหตุขึ้นมาในบรรดามอบสามกีบทั้งหลาย ซึ่งเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจะไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ในด้านหนึ่งก็มีม็อบจำนวนเล็กๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าขบวนใหญ่จะต้องถูกสกัดกั้น ก็เคลื่อนตัวแบบผึ้งแตกรังไปที่หน้าทำเนียบรัฐบาลก่อน แล้วพวกนี้ก็กล่าวหาว่า ขบวนเสด็จของสมเด็จพระราชินี จงใจเจตนาจะวิ่งผ่านขบวนม็อบ เพื่อให้เกิดเรื่อง แค่คำกล่าวหาก็เลวร้ายมาก
เพราะตามปกติแล้ว การเสด็จของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง จะต้องมีหมายกำหนดการล่วงหน้าที่บรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายจะได้เตรียมการถวายงานได้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นที่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง และเกี่ยวเนื่องกับพระราชพิธีต่างๆ ต้องกำหนดล่วงหน้าไว้ โดยเฉพาะเส้นทางเสด็จที่เราจะเห็นได้ชัดว่า ก่อนหน้าที่จะมีการเสด็จก็จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนถวายอารักขาความปลอดภัยเป็นระยะๆ เพราะมีคำสั่งไว้ล่วงหน้า วันนั้นแถวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เตรียมการถวายอารักขา ความปลอดภัย ตลอดเส้นทางตั้งแต่ลานพระรูปทรงม้าไปจนถึง ทางด่วนยมราช ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกระจายอยู่ตามปกติ เพราะเป็นเส้นทางปกติที่ต้องเสด็จพระราชดำเนิน
ภาพที่ปรากฏขึ้นเอามาย้อนรอยให้ได้ดูอีกครั้งหนึ่งว่า เมื่อขบวนเสด็จมา ม็อบวิ่งเข้าไปและมีเสียงตะโกนของนายเอกชัย ว่าให้ชูสามนิ้วหลังจากที่ท่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจ พยายามที่จะกันม็อบเอาไว้ ขบวนเสด็จก็ค่อยๆเคลื่อน ขบวนเสด็จเคลื่อนมาช้าๆ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี กับ สมเด็จเจ้าฟ้าทีปังกร ประทับมาด้วยกัน สมเด็จพระราชินี หันไปยิ้มและโบกพระหัตถ์ให้กับประชาชนทั้งสองฝ่าย ไม่แยกว่าเป็นประชาชนที่มารับเสด็จด้วยความจงรักภักดี หรือเป็นพวกม็อบสามกีบที่โห่ร้อง และมีการขว้างรองเท้ามา ตรงนั้นประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จส่วนหนึ่ง เป็นกลุ่ม ศปปส. ที่รู้เรื่องรู้ราวว่าจะเกิดเหตุ ก็เตรียมมาถวายความจงรักภักดีอยู่ด้วย ก็เข้าไปกันก็เกิดการปะทะกัน แต่ ศปปส. ที่มีประมาณ 50 คนไม่สามารถต้านทานม็อบได้ เรียกว่ากรูเข้ามารุมตี ใช้เสาธงฟาดฟันกัน จำนวนหนึ่งวิ่งขึ้นรถ และจำนวนหนึ่งก็วิ่งเข้าไปในสนามม้านางเลิ้ง ซึ่งตอนนั้นอยู่ในช่วงพลบค่ำและกลายเป็นไซต์งาน ที่กำลังปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะเพื่อบริการประชาชน พวกม็อบก็พยายามที่จะดันประตูเข้าไป เพราะหลังจากที่จากที่ ศปปส. เข้าไปอยู่ข้างในแล้วก็ไม่ได้มีการล็อคประตู ตรึงกำลังอยู่สักพัก ตำรวจมาก็สามารถที่จะออกมากลับบ้านได้ในเวลาประมาณ 19:00-19:30 น.
ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในวันนั้น เรื่องของนายเอกชัย หงส์กังวานและพรรคพวกม็อบสามกีบขัดขวางขบวนเสด็จแล้ว เกี่ยวข้องอะไรกับอุปทูตสหรัฐอเมริกา ไมเคิล ฮีท ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาอยู่เบื้องหลังม็อบพวกนี้ แล้วพยายามแทรกแซงการเมืองของไทยตลอดมา เพราะไม่พอใจที่ไทยไม่ใช้ฐานทัพอู่ตะเภาและคิดว่านั่นคือ การที่ไทยยืนอยู่ข้างจีน ซึ่งเป็นคู่ปรับสำคัญอยู่ในขณะนี้ เราจึงเห็นว่าทูตสหรัฐอเมริกาแต่ละรุ่นเข้าแทรกแซงกิจการภายในของไทยตลอดมา จนถึง ไมเคิล ฮีท ซึ่งเคยเป็นกงสุลใหญ่อยู่ที่เชียงใหม่ แล้วเข้าไปยุ่งกับพวกฝ่ายเสื้อแดงหรือม็อบสามกีบมาโดยตลอด วันนี้มารักษาราชการแทนเอกอัครราชทูต เข้ามายุ่งกับคดีของเพนกวิน เข้ามาแสดงบทบาทเพื่อกดดันที่ไทยไม่ให้ประกันตัวเพนกวิน และกลุ่มพรรคพวก
คดีของเอกชัยวันนี้ศาลให้ประกันตัว เพราะคดีนี้มีโทษสูง แน่นอนเพราะเป็นความผิดครั้งแรกและก็ตามเหตุผลที่เอกชัย เขาพูดเองว่า ไม่มีท่าทีที่จะหลบหนี ศาลให้ประกันตัว แต่สามกีบมันชัดเจนว่า ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ให้ประกันตัวไปแล้วก็ไม่ฟัง ไม่หลาบไม่จำ ยังไปกระทำความผิดซ้ำ ซึ่งศาลไม่สามารถที่จะอนุญาตได้ เพราะกระบวนการยุติธรรมของไทยจะพังลงทันที เพราะเท่ากับศาลเกรงกลัวม็อบสามกีบ คนอื่นก็จะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เอาเป็นตัวอย่าง การให้ประกันตัวเอกชัยและพรรคพวกในวันนี้ ทำให้เราสามารถเห็นความจริงได้ว่า ประเทศไทยมีความยุติธรรมและมีความศิวิไลกว่าสหรัฐอเมริกา ที่พยายามจะเข้ามายุ่งเรื่องราวในประเทศเราอะไร ก็เพราะในสหรัฐอเมริกานั้น หลังจากที่โจ ไบเดน ได้เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว ก็มีชายผู้หนึ่งอายุ 27 ปีชื่อเดวิส ไคยล์ รีฟส์ อยู่ที่เมืองแกสโตเนีย ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และถูกนำตัวขึ้นศาลที่เมืองชาร์ลอตต์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ที่นายคนนี้ข่มขู่ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และปรับอีก 250,000 เหรียญสหรัฐ ประเด็นนี้สำคัญ เพราะหลังจากที่ศาลได้รับฟ้องแล้ว เดวิด คีสเลอร์ ผู้พิพากษาศาลแขวง มีคำสั่งให้ส่งตัวไปกักขังที่เรือนจำเทศมณฑลเมคเลนเบิร์ก ชัดว่าเวลาคนของคุณข่มขู่เอาชีวิตประธานาธิบดี คุณก็ดำเนินคดี โทษของคุณเพียงแค่ 5 ปี ศาลคุณไม่ให้ประกันตัว เอาไปกักขัง
นี่โทษถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต ในกรณีที่ขัดขวางเสรีภาพ ถ้าประทุษร้ายประหารชีวิต เอาแค่ขอบเขตจำกัดตลอดชีวิต ศาลยังให้ประกันตัว ไม่เคิล ธีท คิดว่าระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศไทย ประเทศไหนศิวิไลซ์มากกว่ากัน ด้วยความกักขฬะ โหดร้าย และสร้างความเกลียดชังขึ้นในประเทศคุณ ซึ่งวันหนึ่งมันจะต้องถึงจุดระเบิดขึ้นอย่างแน่นอน และสำหรับม็อบสามกีบที่เทิดทูนสหรัฐอเมริกา เป็นประชาธิปไตย ความจริงวันนี้ ถ้าได้ประกันตัวมา ควรจะทำเรื่องขอลี้ภัยไปอยู่สหรัฐอเมริกา แผ่นดินไทยจะได้สูงขึ้น
