ชำแหละ ขบวนการม็อบไม่มีแกนนำ จุดไฟสงครามประชาชน ย้อนคำสัมภาษณ์ หัวหน้าการ์ดวีโว่ มีการตรียมยกระดับการต่อสู้ตามใบสั่งผู้บงการ!?!

0

ชำแหละ ขบวนการม็อบไม่มีแกนนำ จุดไฟสงครามประชาชน ย้อนคำสัมภาษณ์ หัวหน้าการ์ดวีโว่ มีการตรียมยกระดับการต่อสู้ตามใบสั่งผู้บงการ!?!

ส่งสัญญาณไปถึงหน่วยงานความมั่นคงและรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ม็อบสามกีบไม่ว่าจะชื่ออะไร มันไม่ใช่ม็อบที่มาชุมนุมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ได้ต่อสู้ตามหลักการสันติ ไม่ได้เป็นการต่อสู้ชุมนุมเพื่อมีข้อเรียกร้องอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่กล่าวอ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องให้นายกรัฐมนตรีลาออกให้ยุบสภา แต่เป้าหมายหลักอยู่ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ การตั้งข้อเรียกร้องต่างๆ เป็นเรื่องทางยุทธวิธี เป้าหมายของม็อบสามกีบ โดยเฉพาะผู้บงการ เป้าหมายของพวกนี้คือ การก่อสงครามประชาชน สงครามปฏิวัติ ไม่มีเป็นอย่างอื่น สิ่งที่ชัดเจน สิ่งที่ม็อบนี้พยายามเสนอมาโดยตลอดเวลา เป็นการชุมนุมที่ไม่มีแกนนำ แต่ทุกครั้งที่ย้ำว่ามีการชุมนุมแบบนี้ จะมีการก่อความรุนแรงขึ้นทุกครั้ง เพราะคำประกาศของความหมายว่าไม่มีแกนนำ มันเพื่อต้องการสื่อสารออกไปให้เห็นว่าประชาชนออกมาชุมนุมกันเองด้วยความคับแค้นใจ ทนกับสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ไม่ไหว แต่ความจริงความรุนแรงที่เกิดขึ้นมันมาจากกระบวนการการจัดตั้งของการ์ดหรือกลุ่มกองกำลังที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเป็นระบบ

และความจริงที่ได้ปรากฎขึ้น ก็เพราะมีคลิปที่เผยแพร่ออกมาอย่างชัดเจน นั่นก็คือ คลิปที่โตโต้ ประชุมทีมงานกลุ่มการ์ดวีโว่ หรือจะเรียกว่ากลุ่มผู้บริหาร ชัดเจนว่า ถ้อยคำต่างๆที่โตโต้พูดออกมา มันแสดงให้เห็นถึงการผ่านการฝึกอบรมสงครามประชาชนมาแล้ว โดยโตโต้บอกว่า

“ต้องยอมรับว่า We Volunteer เนี่ย วางระบบมาแล้ว ก็มีการถอดบทเรียนรวมถึงการปรับปรุงวิธีการบริหารจัดการภายในมาทุกครั้ง เมื่อมีปัญหาตลอดเวลา 7-8 เดือนที่ผ่านมา ฉะนั้น ถามว่า การบริหารจัดการของเราเป็นยังไง ก็ค่อนข้างที่จะเป็นในรูปแบบขององค์กรมากๆ ค่อนข้างมีระบบระเบียบ

ความลับของเรา WeVo เนี่ย เป็นเรื่องสำคัญจึงเป็นสิ่งที่หน่วยงานรัฐหาทางแก้ไม่ได้ว่าอย่างไรจะสามารถเจาะข้อมูลลับสุดยอดของ WeVo ได้ เวลาจะปฏิบัติภารกิจถามว่า เจ้าหน้าที่รู้ไหม รู้นะ ว่าเรามีระบบชั้นความลับ เขาถึงกลัวไง จะสังเกตว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงเพ่งเล็งมาที่ WeVo เพราะเหตุผลนี่แหละ เขาไม่สามารถส่งสายเข้ามาเจาะระบบของฐานของเราได้ เพราะระบบฐานความลับของเรามันแบ่งเป็นหลายชั้น แต่ละชั้นก็ถูกตรวจสอบกันเองอยู่แล้ว

และที่สำคัญคือเรามีระบบการทำงาน คือเป็นระบบกลุ่ม ก็คือมีหัวหน้ากลุ่ม หัวหน้ากลุ่มไปขึ้นกับหัวหน้าสาย หัวหน้าสายก็ไปขึ้นกับผู้บริหารหรือผู้อำนวยการอย่างผม เรามีระบบสาย ฉะนั้น เวลาสั่ง ก็จะสั่งลงมาเป็นแบบสาย เพื่อในการตรวจสอบว่าคนของคุณนั้น ไว้ใจได้แค่ไหน รับผิดชอบงานได้แค่ไหน ถ้าไม่ได้งาน เรามีการโยกย้ายไปให้เหมาะสมกับเขา เรามีการตรวจสอบทุกขั้นตอน

คือ WeVo จะรวมคนที่พร้อมที่จะทำงานโดยที่ไม่ออกสื่อ ไม่เปิดหน้า ไม่ต้องประกาศชื่อเขาก็ได้ ให้เขาอยู่ตรงไหนก็ได้ที่เป็นประโยชน์ที่สุด แล้วเป็นจุดที่เขาคิดว่ามันเสียสละ ที่คนไม่อยากจะมาทำกัน เขาก็เลยมาอยู่ตรงนี้กัน ฉะนั้น WeVo มันอยู่ได้ด้วยการหล่อหลอมคนที่ควักทุกอย่างที่มีออกมากองกันไว้ ผมคนนึง หลายๆคน อนาคตทุกคนวางอยู่ตรงนี้ แล้วก็เดินไปด้วยกัน”

ที่โตโต้บอกว่า ทำงานเป็นกระบวนการมีชั้นความลับ แต่ก็ยังมีภาพงานเลี้ยงกลุ่มวีโว่ หลุดออกมา แน่นอนว่าเป็นฝีมือของหน่วยงานความมั่นคงที่ไปถ่ายมาได้ ซึ่งเทียบกับสมัยก่อนที่มีการปิดลับลึกกว่าวีโว่ นั่นคือ กระบวนการการจัดตั้งของพรรคคอมมิวนิสต์ในขบวนการนักศึกษา ชั้นการทำงาน แบ่งลำดับชั้น กลุ่มจัดตั้งย่อย วันหนึ่งปรากฎว่า กลุ่มรามทักษิณ ไปยืมปืนมาจากรองนายกฯองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงในปีนั้น สถานะหนึ่งก็เป็นผู้ประสานงานของขบวนการนักศึกษาทั้งระบบ และเป็นผู้กำหนดยุทธศาสตร์ของขบวนการนักศึกษาทั้งขบวนการ วันหนึ่งก็เกิดการปะทะกัน คนของรามทักษิณ ก็ยิงฝ่ายตรงข้ามตาย ตำรวจจับปืนได้ ช็อคกันทั้งขบวนการ ปรากฎว่าปืนนั้นเป็นปืนของทหาร ตรวจสอบปรากฎว่า รองนายกฯองค์กรนักศึกษาฝ่ายภายนอก ที่ร่วมประชุมกันกับขบวนการนักศึกษาทั้งหมด เป็นทหารที่แอบแฝงตัวเข้ามา เป็นหน่วยสืบราชการลับ ในยุคสมัยนั้น ตามล่าตามฆ่ากัน ท้ายสุดก็ไม่ได้เกิดผลอะไรขึ้น ที่โตโต้บอกว่าเก่งนักเก่งหนา ถูกหน่วยงานความมั่นคงจิ้มทะลุ ถึงเอาเรื่องนี้มาเปิดเผยได้ ดังนั้น ขบวนการการต่อสู้กับสงครามประชาชน ชัยชนะอยู่ที่การโหนศพ เพราะการชุมนุมใดๆ ถ้าชุมนุมโดยสันติ แล้วจบและเลิกกันไป แต่สิ่งที่เราเห็นจากพฤติกรรมของม็อบสามกีบไม่ได้เป็นอย่างนั้น

อย่างที่บอกว่า กระบวนการการต่อสู้ที่ผ่านมา สงครามประชาชนจะสำเร็จ จะต้องมีการแห่ศพและโหนศพเสมอ อย่างกรณีของมะแจสิ่น ที่เป็นเหยื่อในพม่า ที่เมืองไทยก็เคยมีแบบนี้ การชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 53 ประชาชนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก มีความพยายามที่จะโยนบาปให้กับกองทัพในขณะนั้น บังเอิญว่ามีผู้สื่อข่าวถ่ายภาพชายชุดดำเอาไว้ได้ ทำให้การโหนศพจึงไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งขบวนการของม็อบสามกีบ เดินเส้นทางนี้มาโดยตลอด ที่โตโต้บอกว่า ยกระดับ ถอดบทเรียนมาโดยตลอด นั่นหมายความว่า แปลว่ามีคนบงการ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนคนไทยอึดอัด เพราะหน่วยงานความมั่นคงยังไม่ดำเนินการอย่างเด็ดขาดในการที่จะจับกุมตัวผู้บงการ ซึ่งในขณะนี้เชื่อว่า หลักฐานจำนวนหนึ่งครบอยู่แล้ว ถ้าไม่ครบก็ต้องไปดำเนินการคดีอื่นๆ ยกตัวอย่างคดีของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คดีที่ให้กู้ยืมเงินพรรคอนาคตใหม่ จนเป็นเหตุให้พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ กฎหมายพรรคการเมืองได้ระบุไว้ชัดเจนว่า ใครที่กระทำความผิดมีโทษจำคุก แต่ยังไม่มีการขยับอะไร จาก กกต. ไม่มีการขยับจากเจ้าหน้าที่รัฐ ลองดำเนินคดีกับธนาธรดู ดูท่าม็อบจะแผ่วลงหรือไม่ หรือกลัวคำขู่ของปิยบุตรว่ายิ่งจับม็อบจะยิ่งรุนแรง ถ้าหลัวก็ยกประเทศให้ปิยบุตรกับธนาธรไปเลย