จากกรณีที่รุ้ง ปนัสยา จัดชุมนุมใหญ่ที่สกายวอล์ค เจ็บใจที่เพื่อนแกนนำติดคุกด้วยมาตรา 112 และศาลไม่ให้ประกันตัวหลังจากที่อัยการส่งฟ้อง บอกได้คำเดียวแป้กแน่นอน
เหตุผลแรกแกนนำม็อบทั้งหลายโง่เป็นควาย หยาบคายก้าวร้าว คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่คับโลกแต่แท้จริงเป็นกบในกะลา สิ่งที่แกนนำม็อบสามกีบทำล้วนสวนทางกับวิธีการปฏิวัติประชาชนทั้งสิ้น เพราะถูกหลอกใช้จากคนที่บ้าอำนาจ อยากมีอำนาจไปต่อรองกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ คนที่บ้าอำนาจก็โง่เหมือนกัน ซึ่งจะเดินเข้าคุกตามหลังพวกนี้ไป หรือไม่หนีไปเสวยสุขที่ต่างประเทศเพราะร่ำรวย จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
4 คนที่โดนจับ เพนกวิน อานนท์ หมอลำแบงค์ สมยศ ล้วนมีประสบการณ์ โดยเฉพาะหมอลำแบงงค์กับสมยศ เคยติดคุกมาแล้ว หมอลำแบงค์ติดคุกเมื่อปี 2556 ตอนที่เป็นนักศึกษา หมิ่นในหลวงรัชกาลที่ 9 ปี 2557 อัยการยื่นฟ้อง ต่อมาปี 2558 ศาลตัดสินจำคุก 5 ปี แต่สารภาพลดเหลือ 2 ปี 6 เดือน ปี 2559 ได้รับพระราชทานอภัยโทษ พออกมาก็ไม่หลาบไม่จำเข้าร่วมม็อบคณะราษฎร ครั้งนี้ที่ศาลไม่ให้ประกันตัวก็เหมาะสมแล้ว อีกคน นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เคลื่อนไหวมาตั้งแต่เป็นนักศึกษาจนมาถึงตอนนี้ไม่เลิกไม่รา ก็ติดคุกในข้อหามาตรา 112 ได้รับพระราชทานอภัยโทษออกมาแล้ว ก็ยังเดินเส้นทางนี้ ส่วนอานนท์ นำภา เป็นขี้ข้ารับใช้สหรัฐอเมริกา องค์กรที่ตัวเองตั้งมาก็ได้รับการหนุนหลังจากต่างชาติ
พวกนี้เริ่มต้นเคลื่อนไหวอย่างไร ทำไมถึงโดยข้อหา มาตรา 112 มาถึงตอนนี้ 50-60 คนแล้ว แต่ละคนทำผิดเป็น 10 คดี ก็เพราะถูกปั่นหัวโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง หรือรู้อยู่แล้วแต่เพราะมีผลประโยชน์ หรือคิดว่าการที่ได้มาเป็นแกนนำม็อบ ผู้นำมวลชน มันโก้มันเป็นสิ่งที่จะต้องต่อสู้เพื่อประชาชน แต่พวกนี้ไม่เคยพูดถึงทิศทางที่จะทำให้ประเทศนี้ดีขึ้น และไม่มีสติปัญญาที่จะพูดอย่างนั้นด้วย
ม็อบที่กำลังจะจัดชุมนุม เพราะว่าเจ็บใจที่เพื่อนแกนนำติดคุก ที่ล้มเหลวเพราะแกนนำโง่ การที่จะเคลื่อนไหวมวลชน การจะเป็นนักปฏิวัติ สิ่งที่จะต้องทำเป็นอันดับแรก คือต้องทำเป็นอันดับแรกคือ ศึกษาทฤษฎีวัตถุนิยมวิภาษวิธี กฎมีอยู่ว่า สรรพสิ่งต้องเปลี่ยนแปลง อยู่กับที่ไม่ได้ ในสรรพสิ่งมีเอกภาพด้านตรงข้ามที่เป็นคู่กรณีคู่ขัดแย้งกันอยู่ ต่่อสู้ปะทะกัน ความเปลี่ยนแปลงนั้นจะสะสมปริมาณไปทีละนิด จนถึงระดับคุณภาพก็จะแตกระเบิดสู่ความสำเร็จหรือความเปลี่ยนแปลง จากปรัชญาและทฤษฎีนี้ คาร์ล มาร์กซ์ กับ ฟรีดริช เองเกลส์ ได้เอาแปลเป็นทฤษฎีปฏิวัติวัตถุนิยมประวัติศาสตร์ เอามาไล่เรียงดูกฎการวิวัฒนาการของสังคมของมนุษยชาติ โดยเอาโครงสร้างทางเศรษฐกิจปัจจัยการผลิตเป็นตัวตั้ง แล้วก็ดูคู่ความขัดแย้ง เพราะความขัดแย้งที่แท้จริงของมนุษย์ต้องเกิดจากการกดขี่ เอารัดเอาเปรียบทางชนชั้น ทางผลประโยชน์ การกดขี่ข่มเหงนั้นจะต้องเป็นการกดขี่ทางชนชั้น การจะจุดไฟปฏิวัติจะต้องนำพาไปสู่การต่อสู้ทางชนชั้น แต่นี่ไม่ใช่เพราะธนาธร ปิยบุตร ตั้งพรรคการเมืองและเปิดประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ว่าเป็นปัญหาของประเทศไทย
ธนาธรได้เขียนหนังสือ Portrait ธนาธร บอกว่าตัวเองอยากมีอำนาจไปต่อรองกับ…ก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อเอาทหารกับศาลออกจากการเมืองตามความเข้าใจของธนาธร ที่คิดว่าศาลกับทหารเป็นปัญหาของบ้านเมือง เพราะพระมหากษัตริย์ควบคุมอยู่ ปิยบุตรก้ไปพูดอย่างนี้ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน นี่คือปฐมบทของการปลุกเร้าให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นในสังคมไทยในปัจจุบัน ปรากฎว่า หลังจากที่พรรคอนาคตใหม่ ประสบความสำเร็จ แต่ด้วยความโง่เง่าของธนาธร ปิยบุตร ที่ทำผิดกฎหมายทั้งรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งการอวดฉลาด ปรากฎว่าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ถูกตัดสินทางการเมือง ด้วยแรงยุยงส่งเสริมจากใครก็ตามแต่ เพราะธนาธรมีเงิน มีความคิดที่เป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์
การจุดประเด็นของม็อบครั้งแรกจึงเกิดขึ้นในวันที่ 14 ธันวาคม 2562 ธนาธรได้รับเชิญให้ไปพูดคุยเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ และบอกว่าจะแก้รัฐธรรมนูญต้องแกด้วยเลือด จากธรรมศาสตร์ มาชุมนุมครั้งแรกที่สกายวอล์ค เพื่อจะเทสกำลังของรัฐบาลว่าที่ประกาศภาวะฉุกเฉิน ห้ามชุมนุม ถ้าเกิดการชุมนุมจะเป็นอย่างไร มาพูดเรื่องเกณฑ์ทหาร แต่วันนั้นเป็นวันแรกที่มีการที่เตรียมการ เตรียมแผน ก็คือเอาข้อความอันมิบังควรมายกแล้วถ่ายภาพให้ไปทาบกับพระบรมฉายาลักษณ์ โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ นั่นเป็นการเปิดประเด็นของธนาธร นั่นคือม็อบครั้งแรก นั่นคือการทดสอบอำนาจรัฐ หลังจากวันนั้นก็ค่อยๆ แหย่มาเรื่อยๆจนถึงวันที่ 3 สิงหาคม 2563 อานนท์ ใส่ชุดแฮรี่พอตเตอร์ เปิดประเด็นว่าแล้วว่า จะต้องแก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภา ประยุทธ์ออกไป ข้อเรียกร้องมั่วสุดมั่ว ท้ายสุดก็เพิ่มเติมปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ อานนท์ เปิดหน้า 4 ข้อเรียกร้อง ว่าจะต้องแก้ไขรัญธรรมนูญหลังผ่านประชามติ ต้องแก้กฎหมาย ปี 2560 ทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย พระราชกำหนดย้ายบางส่วนของกองทัพเป็นของพระมหากษัตริย์ และพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ธนาธรก็ขานรับเอาเรื่องงบประมาณของสถาบันพระมหากษัตริย์มาอภิปรายในสภาในฐานะกรรมมาธิการงบประมาณจากพรรคก้าวไกล และเปิดประเด็นมาเรื่อยๆโจมตีสถาบัน เอาเงินภาษีของประชาชน ตะโกนภาษีกูๆ แต่ไม่รู้เด็กและแกนนำทั้งหลายเคยเสียภาษีหรือเปล่า
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่ธรรมศาสตร์ รังสิต เปิด 10 ข้อเรียกร้อง ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ฮือฮาทั้งประเทศตั้งคำถามว่าเอาเงินที่ไหนมาจัดชุมนุม เฉพาะรถ เฉพาะเครื่องขยายเสียง ก็เป็นล้านแล้ว แต่ความจริงแล้ว มีนายทุนหนุนหลัง ในวันนั้น รุ้ง ปนัสยา เป็นคนพูด ต่อมาได้สารภาพว่า เพิ่งได้รับโพยมา ไม่กี่ชั่วโมงก่อนพูด มือสั่น จะเป็นลมก่อนที่จะพูด แต่ว่าต้องพูดเพราะมันเป็นเรื่องอุดมการณ์ แต่ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว จนอ.อานนท์ มาฉีกหน้ากลางรายการจอมขวัญ มันเป็นการพิสูจน์สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวจริงๆ เมื่อพูดเรื่องสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ วิพากษ์วิจารณ์เขา แต่ไม่เคยรู้ ต่อมาหลังจาก 10 สิงหาคม ก็จัดชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 16 สิงหาคม ความแตกแยกเริ่มปรากฎ นี่เป้นอีกหนึ่งสาเหตุที่บอกว่า ม็อบนี้ไม่มีทางสำเร็จ ก็คือวันนั้น ฟอร์ด ทัตเทพ เป็นคนคุมม็อบ การ์ดมาแบบเป็นเรื่องเป็นราว ในวันนั้น รุ้ง เพนกวิน ไม่ได้ขึ้นปราศรัย 10 ข้อเรียกร้องก็ไปแอบอยู่ในม็อบไปยื่นเป็นหนังสือแล้วก็กลับบ้านให้สัมภาษณ์กับสื่อ แต่ความจริงนั่นคือ ความร้าวฉานแตกแยกที่เห็นว่าม็อบมีอยู่ 2-3 กลุ่มที่มาผสมผสานกัน จนหนักสุด 14 ตุลาคม จัดชุมนุมแล้วก่อเหตุอันมิบังควรคือ ปิดล้อมขบวนเสด็จ ถ้าเป็นต่างประเทศตายกันเป็นเบือ แต่นี่ประเทศไทย ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยจิตใจอันเมตตาของตำรวจ เข้าใจในความเป็นคนไทย แต่ทำอย่างนั้น ทำไม่ได้ ทำให้รัฐบาลต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน แล้วจัดการจุบกุมผู้นำในรุ่งสางของวันที่ 15 ตุลาคม
จากนั้น นัดชุมนุมวันที่ 15 ตุลาคม คนไม่เยอะ ก็จัดใหม่ในวันที่ 16 ตุลาคม ตำรวจฉีดน้ำ จะเป็นจะตาย ก็หายไปพักหนึ่ง จัดรูปขบวนใหม่ คนที่อยู่เบื้องหลังเริ่มเข้ามาจัดการจะให้เกิดความรุนแรง ซึ่งเป็นความโง่เง่าขาดประสบการณ์ หลงตัวเอง ก็ไปก่อเหตุความรุนแรงที่หน้ารัฐสภา มีการจัดรถขยายเสียง มีการวางกำลัง แล้วมีการยิงกันกับคนเสื้อเหลืองกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมาจากชลบุรีแล้วติดค้างอยู่ กลายเป็นประเด็นต่อไป วันที่ 18 พฤศจิกายน ไปสาดสีที่ราชประสงค์ อ้างว่าในวันที่ 17 พฤศจิกายน ตำรวจมาสลายม็อบ ทั้งๆที่ในความเป็นจริง การ์ดทั้งหลายวิ่งเข้าไปใส่ เพราะเจ้าหน้าที่กันให้ห่างออกจากรัฐสภา แต่ก็วิ่งเข้าไปปะทะ นี่คือเจตนาที่จะก่อความรุนแรง ท้ายสุดพวกเดียวกันเอง ทนไม่ไหวก็ออกมาแฉ หลังจากนั้น วันที่ 24 ประกาศจะไปสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ตำรวจก็เอาตู้คอนเทนเนอร์มาตั้งเต็มไปหมด วันรุ่งขึ้น 25 พฤศจิกายน มาชุมนุมที่หน้า SCB เพื่อเป็นสัญลักษณ์ ไปสำนักงานทรัพย์สินฯไม่ได้ ก็มาโชว์พาวที่นี่ ก็เกิดระเบิดระหว่างการ์ดกันเอง ตีกันเอง กลายเป็นประเด็น
วันที่ 29 พฤศจิกายน ก็มีการไปชุมนุมย่อยที่ห้าแยกลาดพร้าว วันนั้นก็พัง เนื่องจากสมบัติ ทราย บุ๊ง ปกรณ์ ซัดกันไปซัดกันมา ก็ทำให้เห็นร่องรอยความแตกแยกไปเรื่อยๆ และก็มีการแฉถึงเรื่องผลประโยชน์ เงินบริจาคที่เข้ามา จากนั้นก็เงียบไป เพราะโควิดระลอก 2 ในช่วงระยะเวลานั้น ตอนที่ไปสาดสีที่ราชประสงค์ ที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการจาบจ้วงพระบรมฉายาลักษณ์ คนไทยเห็นก็ทนไม่ได้ วันรุ่งขึ้นจะเห็นเด็กและผู้คนไปล้างสี แต่หนักกว่านั้น นายกรัฐมนตรีประกาศว่าจะใช้กฎหมายทุกมาตราที่มีอยู่ ดำเนินการกับพวกที่จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ เอามาตรา 112 มาใช้ เพราะก่อนหน้านี้มีประเด็นอยู่ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระเมตตา ไม่อยากให้ใช้ แทนที่จะเห็นถึงพระเมตตาของพระองค์ท่าน กลับคิดว่าเป็นช่องว่างในวันนี้ถึงโดนมาตรา 112 กันเป็นสิบๆคน แต่การจาบจ้วงทางโลกออนไลน์ทำอยู่เรื่อยๆ ระรานโจมตีสถาบัน ไม่สามารถออกมาชุมนุมบนท้องถนนได้ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พม่าเกิดรัฐประหาร โดยที่ไม่มีพระมหากษัตริย์มารับรอง ตามที่พยายามบิดเบือนกล่าวหา ก็ออกมาโหนพม่า มีการแฉการ์ดวีโว่ ที่สังกัดธนาธร ผู้ที่อยู่เบื้องหลังค่อยๆเผยตัว เพราะสมบัติ ทองย้อย มาโพสต์ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ บอกว่า ในวันชุมนุม ตำรวจประกาศให้เลิกชุมนุม ผ่านไปครึ่งชั่วโมงตำรวจตั้งแถว ไกลเกือบ 1 กิโลเมตร วีโว่วิ่งหาตำรวจเพราะหน้าสถานทูตมีธนาธรอยู่ เอาแผงเหล็กโยนใส่ ระเบิดปิงปอง ตำรวจไม่มีอะไรเลย ยังเตรียมตัวไม่เสร็จ มีแต่โล่ห์ ตำรวจยังมาไม่ถึงสถานทูต คนพม่าที่เขามาเรียกร้องเรื่องประเทศตัวเองต้องวิ่งหนีไปด้วย
ในเฟซบุ๊กก็เอาแต่บอกว่า ตำรวจสลายการชุมนุม ใครอยู่ในเหตุการณ์แล้วไม่พูดความจริงไปช่วยเขา IO ขอให้ติดโควิด สมบัติบอกว่า เป็นงานเคลมของก้าวหน้า ขนกันไปทำความชอบ ทำของเขาหายหมด ขอให้ติดโควิด คนอยากมีซีน กูตะหงิดใจๆแล้ว คำถามก่อนนอน ทำไมวีโว่ใส่ชุดการ์ดไปม็อบ แกนนำเคยสั่งการ์ดอาชีวะ การ์ดเสื้อแดงห้ามใส่ไปม็อบ แต่ไม่มีแกนนำคนไหนว่าวีโว่ของอดีตผู้สมัครอนาคตใหม่ ติ่งส้มเหยียดการ์ด ก็ไม่วิจารณ์วีโว่เหมือนที่วิจารณ์การ์ดอาชีวะด้วย ทำไม ก็เป็นอย่างที่สมบัติเขาว่า เพราะโตโต้เป็นผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ ชัดว่าม็อบนี้ใครอยู่เบื้องหลัง วันที่ 8 กุมภาพันธ์ สมบัติก็โพสต์อีกว่า โชว์ผลงาน วางบิล เบิกเงิน รับแสนจ่ายสามหมื่น เด็กๆได้แค่เศษอาหารที่เขาโยนให้ ส่วนตัวหัวๆรวยสิครับ
ม็อบนี้ที่กำลังโหมกระหน่ำ โหมกระแส ไม่มีทางสำเร็จเพราะตามทฤษฎีปรัชญาวัตถุนิยมวิภาษวิธีว่าต้องดูเอกภาพด้านตรงข้ามสะสมจากปริมาณไปสู่คุณภาพ มันทำสวนทางหมด ไม่เคยรู้เขารู้เรา ที่จะต้องจัดให้ความสัมพันธ์กัน แต่พวกนี้ทำด้วยความคึกคะนอง ด้วยความมันส์ตามคำสั่งการของคนที่บงการอยู่เบื้องหลัง มันเห็นชัดว่ามีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องมีความแตกแยก ไผ่ ดาวดิน ติดคุกออกมาขี่รถเบนซ์ ไม่ใช่ว่าไม่มีสิทธิ์ขี่รถเบนซ์ แต่ต้องทำงานทำการอะไรละ ถึงจะได้รถเบนซ์ โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่คนทั้งประเทศจงรักภักดี เคารพเทิดทูน แล้วจะเอาใครมาร่วมม็อบที่จะนำพาไปสู่ความเปลี่ยนแปลง นอกจากต่างชาติ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและม็อบทั้งหลายวันนี้ ชัดเจน ธนาธร กำลังจะโดนมาตรา 112 พรรคก้าวไกลก็ยื่นแก้มาตรา 112 หวังจะเอามาชนกัน เหมือนเรื่องรัฐธรรมนูญหวังจะเอามาเชื่อมโยงกับม็อบ ไม่มีทางสำเร็จ มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง