เวลาใกล้จะหมดแล้ว!?! ปิยบุตร-แก๊งสามกีบ ระวังตัวไว้ ไม่ศึกษาประวัติศาสตร์ บ้าคลั่งประชาธิปไตย ต่อต้านรัฐประหารเมียนมา!?!
จากกรณีการเกิดรัฐประหารของเมียนมา ทันทีที่เกิดเรื่องขึ้นพวกที่ทำให้ประเทศไทยวุ่นวายทั้งๆที่มีสถานการณ์โควิด-19 ก็คือ พวกก้าวหน้าและแก๊งสามกีบ ก้ออกมาจุ้นทันที โลกโซเชียลโพสต์ข้อความเริ่มจากเพจ เยาวชนปลดแอก Wevo ว่าต้อง SaveMyanmar แต่ที่สำคัญคือ 2 คนในคณะก้าวหน้า คนแรกคือ ช่อ พรรณิการ์ วานิช บอกว่า รัฐประหาร คือโรคร้ายที่คุกคามไทยและเมียนมาไม่ต่างกัน การต่อสู้กับวงจรอุบาทว์ รัฐประหารคือภารกิจของเราประชาชน เผด็จการจะต้องพินาศ #SaveMyanmar ต่อมานายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า บอกว่า การรัฐประหารในพม่าเป็นสัญญานอันตรายของการขัดขวางกระแสลมแห่งประชาธิปไตยในภูมิภาค ตราบใดที่หลักการรัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้งอยู่เหนือกองทัพ ยังไม่อาจเกิดขึ้นได้ รัฐประหารโดยกองทัพย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ เสียดายความคืบหน้าสู่ประชาธิปไตยที่ประชาชนพม่าร่วมกันสร้างขึ้นมา ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประชาชนชาวพม่าผู้เชื่อมั่นในหลักประชาธิปไตย นักการเมือง นักประชาธิปไตย นักเคลื่อนไหว ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชน จะยืดหยัดต่อสู้กับเผด็จการ และนำพาประเทศกลับคืนสู่ประชาธิปไตยให้ได้ในที่สุด
พวกนี้บ้าคลั่ง ศึกษาเรียนรู้ความจริงน้อย บ้าตำรา ไม่เคยเข้าใจเรื่องราวความเป็นไป พม่า นับตั้งแต่มีเอกราชมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2491 มาถึงวันนี้ 75 ปี อยู่ในมือทหารมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเลือกตั้ง ไม่ว่าจะมีการดำเนินการใดๆ ที่พยายามจะนำพาไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย ไม่เคยสำเร็จ กองทัพพม่าจัดการเรื่องราวในประเทศพม่ามาโดยตลอด ที่สำคัญแม้แต่เกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่ คือการประท้วงต่อต้านของประชาชนในวันที่ 8 สิงหาคม 2531 ที่เขาเรียกว่าการก่อการ 8 8 88 ครั้งนั้น มีผู้เสียชีวิตนับหมื่นคน ทหารพม่าฆ่าหมด คนที่ออกมาประท้วงว่ากันว่า ยอดผู้ประท้วงนับล้านคน ผู้นำนักศึกษาหนีมาอยู่ไทย มาจับตัวประกันเป็นเรื่องเป็นราวที่สถานทูตพม่า คลี่คลายกันไปได้ระดับหนึ่ง มาจับอีกครั้งที่โรงพยาบาลราชบุรี ทหารไทยก็จับตาย เพราะว่ามาจับตัวประกันในโรงพยาบาล แบบนี้ยอมไม่ได้ จนถึงวันนี้ผู้นำนักศึกษาพม่า ยังติดค้างอยู่ในประเทศไทย กระจัดกระจายไปในประเทศต่างๆที่ลี้ภัยอยู่ยังกลับประเทศไม่ได้
พม่าอยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพมาตลอด ตั้งแต่ได้รับเอกราช อำนาจในพม่าไม่เคยหลุดออกจากมือของทหาร ถ้าจะพูดถึงพม่า เราต้องย้อนรอยกลับไปในประวัติศาสตร์ ประเทศไทยเราถูกกระแสประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นโดยพวกชาตินิยม ให้เห็นว่า เรากับพม่าเป็นศัตรูคู่แค้นกัน เราเสียกรุงให้พม่า 2 ครั้ง ครั้งแรกสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกอบกู้มา ครั้งที่สอง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้มา แต่จะมีคนไทยสักกี่คนจะรู้ว่า พม่าเองก็ถูกสมเด็จพระนเรศวรบุกไปเผาหงสาวดีจนราบคาบมาแล้ว และในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่มอบให้เจ้าพระยาโกษาเหล็ก พี่ชายของโกษาปาน บุกไปตีพม่า ก็เผาหงสาวดีจนราบเป็นหน้ากลองเหมือนกัน เพียงแต่วิธีคิดในประวัติศาสตร์ ที่หยิบยกมาศึกษาในปัจจุบันนั้น เราต้องการสร้างอัตลักษณ์บางอย่าง ก็เลยต้องสร้างศัตรูคู่แค้นขึ้น ทำให้เกิดความมุ่งมั่น ในการที่จะนำพาชาติของลัทธิชาตินิยมในสมัยของจอมพล ป. พิบูลสงคราม
ความจริงการรุกรบยึดครองกันในประวัติศาสตร์มันเป็นเรื่องปกติ ที่ไหนทั่วโลกมันก็เป็นแบบนั้น พี่น้องชาวลาว ชาวกัมพูชา ก็บอกว่า เราก็ไปรุกรานเขา เขาไม่มีโอกาสกลับมารุกรานเรา เจ้าอนุวงศ์ เป็นวีรบุรุษของพี่น้องชาวลาว เราบอกว่าเป็นกบฎ ความจริงแล้ว เจ้าอนุวงศ์ก็อยากจะกู้เอกราช ถึงบอกว่า เรื่องประวัติศาสตร์ เป็นเรื่องที่ปิยบุตร พวกสามกีบจะต้องศึกษา ต้องเข้าใจ
พม่าถูกอังกฤษยึดครองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2367 เป็นปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 3 ซึ่งพระองค์ท่านจะมีพระราชดำรัสที่คนไทยจะต้องจดจำไว้ พระองค์ท่านได้เตือนไว้ว่า นับแต่นี้ไป ข้างศึกสงครามพม่า ลาว ญวน ไม่น่ากลัว เท่ากับฝรั่งตะวันตก และในปีนั้น อังกฤษก็เริ่มเข้ายึดครองพม่า เริ่มจากในแต่ละส่วน จนมาถึงปี พ.ศ. 2428 รวมเวลาที่พม่าได้เอกราชในปี 2491 รวมทั้งสิ้น 124 ปี ดังนั้น ที่เราต้องภาคภูมิใจในความเป็นไทย ที่เป็นเอกราชมาได้ แต่พวกสามกีบไปพูดว่า อยากจะให้เสียเอกราชให้กับฝรั่งไป จะได้ไม่มีสถาบันกษัตริย์ ซึ่งความเป็นไปของประเทศต่างๆที่ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ว่าวันนี้เป็นอย่างไร เราต้องกลับมาดูว่า เอกราชของพม่านั้น ก็ได้มาด้วยความยากลำบากในการต่อสู้และสลับซับซ้อน
ก่อนที่ พม่าจะได้เอกราช ย้อนรอยไปจากการที่อังกฤษยึดครองพม่า เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น ญี่ปุ่นก็กรีฑาทัพทางฝั่งตะวันออกคือเอเชีย เพื่อต้องการที่จะไปบรรจบกับทัพของเยอรมันในตะวันออกกลาง อุปสรรคขัดขวางก็คือ อังกฤษยึดครองอินเดีย พม่า มาอย่างยาวนาน ญี่ปุ่นก็ขึ้นฝั่งในแถบเอเชีย สิงคโปร์ ไทย แถบล่างโดยเฉพาะที่ไทย เพื่อต้องการที่จะเดินทางเข้าสู่พม่า หลังจากที่ญี่ปุ่นเข้าสู่พม่าได้ ก็ได้จัดตั้งนักรบทั้ง 30 คนที่เป็นคนหนุ่มที่ญี่ปุ่นเอาไปฝึกนั้น คนหนึ่งชื่อ อองซาน คนหนึ่งชื่อ อู นุ คนหนึ่งชื่อ เนวิน ชื่อของทั้งสามคนนี้ มีบทบาทต่อเนื่องกับพม่าและทำให้พม่าเป็นดังที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ คนที่มีบทบาทสูงสุดคือ นายพลอองซาน ซึ่งเป็นผู้นำในการต่อสู้เพื่อที่จะประกาศเอกราชของพม่า
หลังจากที่ญี่ปุ่น พ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ต้องถอนตัวไป อังกฤษเข้าคุมพม่า แต่ในวันนั้นคนหนุ่มของพม่าซึ่งได้รับการฝึกฝนทางด้านการทหาร 30 คนที่เป็นตัวหลัก ข่าวสารยืนยันชัดเจนว่า การทำสัญญา ตกลงกันในการกู้เอกราชจากอังกฤษนั้น ทำกันที่เมืองไทยแถวๆซอยสวนพลู มีการกรีดเลือดร่วมสาบานกันว่าจะต่อสู้เพื่อปลดปล่อยพม่าออกจากอังกฤษให้ได้ ก่อนที่พม่าจะได้รับเอกราช 6 เดือน ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2490 ผู้นำที่ได้รับการยอมรับจากผู้นำชนเผ่าต่างๆ นายพลอองซาน ซึ่งในขณะนั้น อายุเพียง 32 ปี อองซาน ซูจี เป็นลูกของนายพลอองซาน ขณะนั้นอายุเพียง 2 ขวบ นายพลอองซานถูกทหารพม่ากราดยิงตาย เพราะก่อนหน้านั้น นายพลอองซานได้เชิญประชุมผู้นำของชนเผ่าต่างๆ เขียนสนธิสัญญาขึ้น เรียกว่า สนธิสัญญาปางโหลง ว่าเราจะร่วมกันสร้างชาติขึ้น ปลดปล่อยพม่าให้เป็นเอกราชจากอังกฤษ และหลังจากนั้นอีก 10 ปี ชนชาติ เชื้อชาติใดจะแยกออกไปตั้งประเทศตัวเองก็ได้ จะร่วมกันก็ได้ ปรากฎว่าอีกฝั่งหนึ่งของกองทัพไม่ยินยอม กราดยิงนายพลอองซาน
การตายของนายพลอองซาน ผู้ที่ได้รับการสงสัยเป็นคนแรกคือ อู ซอ มันมีเรื่องลึกๆลับๆ บอกว่า อู ซอ ได้รับการสนับสนุนจากอังกฤษ ท้ายที่สุดอู ซอ ถูกจับ และถูกประหารชีวิต แต่นายทหารอังกฤษที่เป็นผู้ให้การสนับสนุนและถูกติดคุกด้วย ต่อมาก็เกิดการจลาจลก็หนีออกจากคุกได้ เมื่อสิ้นอองซาน คนที่ขึ้นมาครองอำนาจในยุคที่ได้รับเอกราช ก็คือ นายพลอู นุ หนึ่งใน 30 คน ตั้งแต่ปี 2491 มาจนถึง 2505 เป็นเวลา 15 ปี อู นุ ครองอำนาจอยู่ ปรากฎว่าก็มีหนึ่งใน 30 คน ชื่อเนวิน ก็ทำการรัฐประหารยึดอำนาจขากนายพลอู นุ เนวินครองอำนาจยาวนานถึง 26 ปี จนถึงปี พ.ศ. 2531 ที่เกิดเหตุการณ์ 8 8 88 ประชาชนออกมาประท้วง พระออกมาประท้วง ว่ากันว่าประท้วงเป็นล้าน
สามกีบ ปิยบุตร ต้องฟังไว้ ออกมาประท้วงกวาดล้างตายกันเป็นหมื่น นับเป็นเหตุการณ์ที่เศร้าสลดมากจึงเกิดรัฐประหารอีกครั้ง มาอยู่ในมือของทหารรุ่นใหม่ ไม่ใช่มาจากยุคนายพลที่อยู่ในช่วงของการกอบกู้เอกราช ชื่อของนายพลซอหม่อง ก็เป็นที่รู้จักและติดปากของคนไทยขึ้นมา ในปี 2531 นายพลซอหม่อง ปี 2533 เกิดให้มีการเลือกตั้ง ชื่อของอองซาน ซูจี จึงปรากฎขึ้นนับตั้งแต่วันนั้น การเลือกตั้งในครั้งนั้น พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยที่มีอองซาน ซูจี เป็นผู้นำชนะถล่มทลาย แต่ปรากฎว่า ทหารไม่ให้ครองอำนาจ จับตัวอองซานมาควบคุมตัวเอาไว้
จากปี 2531 -2535 4 ปี ก็มีนายพลคนใหม่ขึ้นมาโค่นล้มซอหม่อง ชื่อตานฉ่วย นับตั้งแต่รัฐประหารในปี 2535 จนมาถึงปัจจุบัน ทหารก็ยังคุมอำนาจอยู่ ปี 2562 เลือกตั้งใหญ่ พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ชนะการเลือกตั้ง แต่อองวาน ซูจี ไม่ได้เป็นประธานาธิบดี ต้องให้คนสนิทคอ วิน มินต์ ซึ่งเคยร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้กันมาตั้งแต่ เหตุการณ์ 8 8 88 ร่วมมือต่อสู้ทางการเมืองจนเป็นประธานาธิบดี ตังอองซานเองได้เป้นแค่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพราะพม่าเขียนรัฐธรรมนูญโดยทหารไม่ให้อองซาน ซูจี เป็นประธานาธิบดี อองซาน ซูจี ก็เคารพรัฐธรรมนูญ ก็เพื่อที่จะประคับประคองให้ทั้งสองฝ่ายไปกันได้ ก็ยอมให้คนสนิทขึ้นเป็นประธานาธิบดีแทน และปรากฎว่าในการเลือกตั้งใหญ่ เมื่อพฤศจิกายน 2563 ปรากฎว่าพรรคของอองซาน ซูจี ชนะแบบถล่มทลาย กวาดที่นั่งในทุกระดับ ทำฝห้เกิดการปะทะทางความคิดกับกองทัพ มีข่าวลือเรื่องรัฐประหารตลอดมา เพราะพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ก็เห็นว่าประชาชาวพม่าให้การสนับสนุนอย่างท่วมท้น กองทัพจึงไม่ยอม เป็นที่มาให้เกิดรัฐประหารขึ้น และวันนี้ ชื่อที่โด่งดังก็คือ นายพลมิน อ่อง ลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จัดการรัฐประหารเป็นที่เรียบร้อย
นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพม่า มีประวัติ มีความเป็นมา มีการเชื่อมโยง ร้อยรัดทุกสิ่งทุกอย่าง กองทัพพม่า ดูแลประเทศพม่ามามันมีหลายเหตุผล เหตุผลของชนกลุ่มน้อยที่พม่าเรียกก็คือรัฐต่างๆ ซึ่งเป็นคนละเผ่าพันธุ์กับประเทศพม่า แน่นอนว่า แม้จะรวมกันอย่างไร แต่ทุกคนอยากจะแยกตัว อยากจะมีประเทศของตัวเอง ซึ่งกองทัพพม่าที่นำโดยผู้นำที่มีเชื้อชาติพม่าไม่อยากให้แยก กระแสเหล่านี้มีอยู่ตลอดเวลา กระแสประชาธิปไตย ที่นำโดยอองซาน ซูจี ทหารพม่าคิดว่านี่เป็นความเสี่ยงที่จะทำให้ประเทศแตกแยก เขาก็มีสิทธิ์คิดบนพื้นฐานของประเทศเขา พวกสามกีบ พวกก้าวหน้า พวกบ้าประชาธิปไตย บ้าตะวันตก ซึ่งวันนี้ฝั่งตะวันตกบอกว่าจะบอยคอตพม่า แต่พม่าก็ไม่เคยสนใจ สาระสำคัญคือพม่าไม่สนใจ เพราะพม่ากับจีน กำลังมีความสัมพันธ์อันดี เมื่อก่อน เมื่อตะวันตกบอยคอต พม่าจะเป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจ ความจริงพม่าอยู่ภายใต้เศรษฐกิจพอเพียงมาโดยตลอด ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข มีธรรมะความสงบร่มเย็น แต่หลังจากมีการเปิดประเทศมาในระดับหนึ่ง ฝรั่งก็เขาไป ใครๆก็เข้าไปกอบโกย จนวันนี้พม่าจับมือกับจีน เพราะถ้าจีนสนับสนุน พพม่าก็จะแข็งแรง เหมือนตอนที่ตะวันตกบอยคอตรัสเซีย จีนก็เข้าไปจับมือ วันนี้ทั้งจีน ทั้งรัสเซีย ผงาด ต้องเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ คาวมเป็นไปแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน อย่าว่าแต่ต่างประเทศไทยเลย แแต่ประเทศไทย พวกนี้ยังไม่ศึกษาเลย เวลาของพวกนี้ใกล้จะจบแล้ว