ดร.แสงเทียน เปิดเหตุผล 15 ม.ค.64 คือ “วันชี้ชะตา” การระบาดโควิด-19 รอบใหม่

0

วิเคราะห์โควิด!! ดร.แสงเทียน เปิดเหตุผล 15 ม.ค.64 คือ “วันชี้ชะตา” การระบาดโควิด-19 รอบใหม่ และการยกระดับมาตรการ!!

บทวิเคราะห์ชี้ต้องมีมาตรการคุมโควิดถึง ๑๕ มกราคม ก่อนพิจารณาตัดสินใจอีกครั้งถึง ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
รศ.ดร.แสงเทียน อยู่เถา อาจารย์ด้านเวชระเบียน คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
และประธานยุทธศาสตร์วิจัยสถาบันทิศทางไทย
(๓ มกราคม ๒๕๖๔)

จากกรณีที่มีการเกิดการระบาดของการติดเชื้อโควิด-๑๙ ที่ประเทศไทยเริ่มมีการติดเชื้อรายแรกมาตั้งแต่วันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๓ จนถึงวันนี้ที่กำลังเจอรอบที่ ๒ ก็เกือบครบรอบ ๑ ปีเต็มของการติดเชื้อในประเทศไทย จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงตัวเลขก็พบว่ามีการระบาดในรอบแรกที่เจอผู้ติดเชื้่อจำนวน ๑๑ รายเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๓ จนเป็นที่มาของมาตรการเข้มจากภาครัฐในการเข้าควบคุมสถานการณ์ ซึ่งถึงว่าตอนนั้นเป็นการเข้าสู่ปีใหม่ของชาวไทยหรือเทศกาลสงกรานต์ที่ไม่สามารถหยุดการเดินทางออกไปนอกพื้นที่ได้ ทำให้ต้องมีการให้ทางจังหวัดต่างๆ มีการคุมเข้มจนสามารถหยุดการระบาดในรอบแรกไปได้และได้รับการชื่นชมจากนานาอารยะประเทศ

ในสถานการณ์ของการระบาดในรอบแรกนั้นมีการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อรายวันอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายเดือนมีนาคม โดยในวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๓ มีผูี้ติดเชื้อสูงสุดถึง ๑๘๘ คน การตรวจพบผู้ติดเชื้อรายวันมีไปอย่างต่อเนื่องถ้าจะนับวันทั้งหมดของการติดเชื้่อในช่วงนั้นก็จะเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม (วันที่ ๖๑ ของการติดเชื้อ) ไปจนถึงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๓ (วันที่ ๑๐๖ ของการติดเชื้อ) ซึ่งกินระยะเวลาถึง ๓๙ วัน หรือนับง่ายๆ ประมาณ ๔๐ วัน แต่ถ้าพิจารณาช่วงที่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อรายวันมากก็จะอยู่ในช่วงวันที่ ๑๙ มีนาคม (วันที่ ๖๘ ของการติดเชื้อ) ไปจนถึง ๑๐ เมษายน ๒๕๖๓ (วันที่ ๙๐ ของการติดเชื้อ) รวมระยะเวลา ๒๓ วัน

จากการวิเคราะห์ข้อมูลการระบาดในรอบแรกโดยนำมาเทียบเคียงกับสถานการณ์ในการระบาดรอบที่ ๒ นี้ ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ที่ผ่านมาโดยพบการติดเชื้อที่น่าจะมีการติดมาก่อนหน้านั้นระยะหนึ่งแล้ว คือที่จังหวัดสมุทรสาคร จำนวนที่ตรวจพบการติดเชื้อต่อวันพุ่งไปอยู่ที่ ๕๗๖ คนในวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ และต่อมามีการตรวจพบในวันที่ ๒๑ และ ๒๒ ธันวาคม อีกจำนวน ๘๐๗ ราย รวม ๓ วันจำนวน ๑,๓๘๕ ราย

เมื่อจะนับการระบาเพื่อการวิเคราห์เชิงเปรียบเทียบโดยนับจากวันที่ ๒๓ ธันวาคมเป็นต้นไป ถ้าจะนับวันตามแนวทางของการระบาดในระลอกแรกก็จะใช้เวลาจำนวนประมาณ ๔๐ วัน แต่การเกิดขึ้นต่างกันระหว่างรอบแรกกับรอบที่ ๒ นี้เพราะเจอในจำนวนที่มากกว่ารอบแรก แต่การดำเนินการมาตรการเชิงรุกจากทุกฝ่ายก็ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตรวจพบในระลอกนี้ แต่สถานการณ์ก็ไม่สู้ดีเมื่อมีการระบาดออกไปจากพื้นที่ครอบคลุมไปหลายสิบจังหวัดในประเทศ และเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย การเปิดทำการในช่วงหลังเทศกาลปีใหม่จึงต้องมีมาตรการเข้มเข้ามาควบคุมการระบาดอีกครั้ง จำนวนวันหรือระยะเวลาของการใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจในการกำหนดนโยบายจึงต้องมาพิจารณาจากการวิเคราะห์เชิงตัวเลข

จากการวิเคราะห์นั้นเมื่อพิจารณาจาก ๔๐ วันโดยนับจากวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๓ ก็จะครบ ๒๓ วันในช่วงของการเพิ่มขึ้นมากหรืออาจเรียกว่าช่วงอันตรายเหมือนการระบาดในรอบแรก โดยจะใช้เวลาไปจนถึง ๔๐ วันในวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓ และจะครบ ๔๐ วันซึ่งในรอบแรกจะใช้เวลา ๔๐ วันที่สถานการณ์จะกลับสู่ภาวะที่ควบคุมการระบาดในประเทศได้ ซึ่งถ้าใช้เวลาจำนวน ๔๐ วันก็จะตรงกับวันสิ้นเดือนมกราคม ๒๕๖๔ พอดี

มาตรการต่างๆ ในประเทศไทยที่เคยดำเนินการในช่วงสงกรานต์ปีที่ผ่านมาจึงต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยวันที่จะใช้อ้างอิงได้จากการวิเคราะห์ในครั้งนี้ก็คือไปจนถึงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๔ เพื่อประเมินรอบใหม่ และมีวันที่จะใช้ในการกำหนดมาตรการเพื่อการจัดการอีกช่วงหนึ่งก็คือไปจนถึง ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔