จากกรณีที่จะมีการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร บริเวณหน้าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมกำลังไว้ดูแลความสงบเรียบร้อย ตลอด 24 ชั่วโมง
เนื่องจากบริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้เขตพระราชฐาน และสถานที่สำคัญ เช่น ทำเนียบรัฐบาล ส่วนจะมีการปิดกั้นพื้นที่ 150 เมตรหรือไม่ อยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ ล่าสุดทางด้านนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย ได้พูดถึงประเด็นดังกล่าวในรายการ สนธิญาณ ชัด ครบ จบ จริง เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนว่า ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่กำลังจะถึงนี้ ม็อบราษฎรจะมีการชุมนุมที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ซึ่งเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ก็ได้มีกลุ่มคณะราษฎรและกลุ่มคนเสื้อแดงได้ออกมาชุมนุมบริเวณ ถนนอักษะ โดยมีการสลับขึ้นปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ซึ่งม็อบในครั้งนี้เป็นการผสมผสานที่ต้องการให้เดินมาถึงจุดนี้ เตรียมแผนการมาโดยตลอด เพราะสิ่งที่คิดและดำเนินการมาตั้งแต่ต้น ก็คือการก่อสงครามประชาชนเพื่อโค่นล้มสถาบัน ผมพูดด้วยประสบการณ์ที่เขาหลอกเอาเด็กออกหน้านั้นทำไปตามทฤษฎีกองหน้าสะพานเชื่อม สาระสำคัญคือต้องการเอาเด็กมาตาย เอานักศึกษามาตาย เพราะจะเป็นการจุดประกายเพลิงให้เผาไหม้ลุกลามเป็นสงครามปฏิวัติ โดยทฤษฎีมี 7 ขั้นตอน เป็นทฤษฎีที่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทหารก็ต้องร่ำเรียน หรือนักปฏิวัติประชาชนก็ต้องร่ำเรียนมา ซึ่งขั้นตอนแรกคือการเปิดประเด็นข่าวสาร โฆษณาชวนเชื่อ หว่านล้อม หลังจากนั้นก็โจมตีฝ่ายตรงข้ามและบังคับมวลชนเลือกฝ่ายและเริ่มก่อการประท้วง ซึ่งแกนนำที่แอบอยู่ข้างหลังเป็นคนบงการมาตลอด ซึ่งหลังจากมีการประท้วงแล้วก็นำมาสู่การก่อจลาจล และต่อมาคือ การก่อวินาศกรรม และสุดท้ายคือสงครามกลางเมือง
วันนี้การก่อการประท้วง หลายคนบอกว่า มันเริ่มลดน้อยถอยลง แต่ความจริงม็อบยกระดับขึ้นตลอดเวลา ยกระดับไปสู่ความรุนแรง คนไม่จำเป็นต้องเยอะ จากที่เคยเปิดมาเมื่อ 19 กันยา ว่าต้องมาหลายแสน แต่มาแค่ 20,000-30,000 คน แต่ถือว่าจุดประเด็นอยู่ในขั้นตอนแล้ว ทำไมเราต้องเรียกว่า ก่อจลาจล 17 พฤศจิกายน ไม่มีการชุมนุมไม่มีการตั้งเวทีปราศรัย ตำรวจตั้งแนวป้องกัน เอาการ์ด 300 กว่าคนบุกเข้าโจมตี มวลชนที่เข้าไปเห็นเขาตะลุมบอนกันก็เฮกันเข้าไป ซึ่งมีการคาดการณ์แล้วว่าจะเป็นแบบนั้น
ในวันที่ 25 พฤศจิกายนที่กำลังจะมาถึง ขอย้ำว่า เป็นวันเกิดธนาธร ซึ่งธนาธรจะเป็นผู้นำตัวจริงหรือผู้นำอีแอบ อันนี้ไม่รู้ แต่ต้องเลือกวันที่ 25 ซึ่งจะเป็นวันอื่นก็ได้ แต่เป็นวันเปิดทำการ ทำไมไม่เลือกวันหยุด ผู้คนจะได้มากันเยอะๆ มันมีความคิดที่ซับซ้อนก็คือ วันนี้ ย้ำว่าเมื่อมีการประสานกับม็อบเสื้อแดงเดิม ที่มีความรู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ไป ครั้งสุดท้ายที่มีการชุมนุมที่ถนนอักษะ และเกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 วันนั้นที่ถนนอักษะ เจ็บช้ำน้ำใจ วันนี้จึงไปถูกสร้างภาพขึ้นมาใหม่ ในการที่จะหลอมกลับกันเข้ามา ซึ่งถายใต้การหลอมกลับ ก็เปิดประเด็นที่น่าสนใจก็คือ วันนี้การต่อสู้ของประชาชนได้ยกระดับถึงขีดสุดแล้ว มีกลุ่มการ์ดมาร่วมถึง 10 กลุ่ม ซึ่งทีมแรกคือ
1.ทีมการ์ดปลดแอก
2.ทีมการ์ดมวลชน จัดตั้งจากกลุ่มมวลชนอาสาเพื่อปกป้องประชาชน
3.ทีมการ์ดราษฎร
4.ทีมราษฎรฝั่งธน
5.ทีมการ์ดเฉพาะกิจ
6.ทีมการ์ดอากิระพลังมวลชน
7.กลุ่มองค์กรบอดี้การ์ด สเปเชี่ยล ฟอร์ส
8.ทีมพิราบขาว
9.กลุ่มการ์ดฟันเฟืองประชาธิปไตย
10.ทีมอาชีวะพิทักษ์ประชาชน
ซึ่งเป็นการสร้างภาพว่ามีคนมาร่วมจำนวนมาก ซึ่งความจริงก็เหมือนกับการตั้งชื่อกลุ่มที่มีจากการชุมนุม แต่ถามว่ากำลังมีจริงไหม มีจริง เพราะได้มีการไปฝึกฝน รายงานข่าวจากความมั่นคงชัดเจนว่า ใครไปฝึกที่ไหน จะทำอะไร ยังไง บางส่วนถึงขั้นไปฝึกอาวุธกัน ในส่วนของแผนที่ที่ได้มีการเผยแพร่มา ที่จะมีทัพเรือขึ้นจากเทเวศน์ ทัพบกจากสามเสน ราชวิถี ถนนพิษณุโลก พุ่งตรงมาที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ถามว่าพวกนี้ต้องการทำแบบนี้ทำไม ต้องการหลู่พระเกียรติ ท้าทายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งต้องการแค่นี้ ไม่ได้ชุมนุมสร้างสรรค์ ไม่ได้เดินทางไปสู่กระบวนการที่เรียกว่าประชาธิปไตย หรือปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องการก่อความรุนแรง นี่คือแผนที่ที่เขาวาดขึ้น แต่มาดูแผนที่จริง ซึ่งสำนักงานทรัพย์สินฯ อยู่ในเขตพระราชฐาน เมื่อก่อนที่ชุมนุมที่สนามหลวงก็พยายามที่จะบุกมาที่เขตพระราชฐาน มาที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ต้องการหลู่พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สำนักงานทรัพย์สินฯกับพระบรมรูปทรงม้าห่างกันไม่ถึง 500 เมตร ถ้าม็อบไปที่หน้าสำนักงานทรัพย์สินฯได้ ก็สามารถเคลื่อนผ่านพล.1 ตัดเข้าสู่พระบรมรูปทรงม้าได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นลานพระบรมรูปทรงม้า หรือสำนักงานทรัพย์สินฯล้วนเป็นเขตพระราชฐาน เมื่อเป็นแบบนี้ ตำรวจ ทหาร ฝ่ายความมั่นคงเขาจะยอมให้เข้าไหม ซึ่งคาดการณ์ว่า ไม่ยอมให้เข้าแน่นอน การป้องกันที่รัฐสภาว่าหนาแน่นแล้ว รอบนี้ต้องมีการป้องกันหนาแน่นกว่า จะต้องมีการตั้งแบริเออร์ รั้วลวดหนาม เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ม็อบบุกเข้ามา
ซึ่งต้องจับตาต่อว่า สถานการณ์จะซ้ำรอยเหมือนวันที่ 17 พฤศจิกายน หรือไม่ ปกติม็อบจะต้องชุมนุมพูดปราศรัย แต่จะมาที่สำนักงานทรัพย์สินทำไม เพราะที่อยากมาคือ ต้องการให้เกิดความรุนแรง ดังนั้น พวกนี้จะจัดการให้ทีมการ์ดที่ประกาศว่ามีหลายๆชื่อ บุกเหมือนวันที่ 17 ตัดรั้วลวดหนาม รื้อแบริเออร์ ใช้รถพุ่งชน หรืออะไรต่างๆที่จะกระทำตามยุทธวิธีที่ได้รับการร่ำเรียนมา นี่คือคำเตอนไปถึง 2 กลุ่ม พ่อแม่ผู้ปกครอง ก่อนหน้านี้ปล่อยลูกหลานท่านเป็นเหยื่อ ปล่อยลูกหลานท่านออกมาอาจจะเสียใจได้ ท่านกลับไปทบทวนเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 พาคนมาชุมนุมมีกลุ่มคนชายชุดดำ ยิ่งใส่ประชาชน เอาระเบิดไปขว้างใส่เต้นท์บัญชาการซึ่งไม่ได้อยู่ในพื้นที่การชุมนุม เตรียมการก่อความรุนแรง ไประเบิดเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงที่ส่งกระแสไฟเข้ากรุงเทพฯ เพื่อต้องการให้ไฟดับเพื่อเกิดการตะลุมบอน ฆ่ากันตาย นี่คือความโหดเหี้ยมและความโหดร้าย ทักษิณ ชินวัตร วันนี้จะเกี่ยวข้องหรือไม่ ไม่รู้แต่เสื้อแดงผสมผสานกับม็อบราษฎร พ่อแม่ผู้ปกครองต้องระวัง ไม่งั้นจะต้องเสียใจ ต้องสูญเสียลูกหลานไป ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐ สิ่งที่อยากจะเตือน รู้อยู่แล้วว่าต้องทำแบบนี้ เตรียมการเรื่องประชาสัมพันธ์ เตรียมเรื่องการสื่อสาร แนะให้ประชาชนรู้ ประชาชนเข้าใจ ทีมงานที่จะต้องไปทำจะต้องไปถ่ายและเอามาขยายผลให้รู้ว่าใครเป็นคนก่อความรุนแรง ไม่ใช่บื้อตั้งรับอยู่ตลอดเวลา ปัญหาของรัฐบาลและผู้มีหน้าที่ที่รับผิดชอบอยู่ในขณะนี้ ทำให้พวกม็อบก่อเหตุและนำไปขยายผล ประชาชนทั้งนั้นที่ต้องมาขยายความ รัฐบาลจะต้องแถลง จะต้องมีผู้รับผิดชอบอย่างจริงจังที่จะต้องมาพูดมาแถลง โฆษกรัฐบาลกี่คนๆ ก็บื้อหมด นี่คือจุดที่จะต้องปรับปรุงและรองรับในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้