ต้องบอกเลยว่าในขณะนี้หลายๆคนกำลังจับตามองความเคลื่อนไหว “ม็อบคณะราษฎร” ที่จัดชุมนุมหลายๆพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และมีนักวิชาการจำนวนมากวิเคราะห์พฤติกรรมม็อบครั้งนี้ไว้อย่างน่าสนใจ
ล่าสุดในวันที่ 22 ต.ค. ทางด้านของ รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์สถาบันทิศทางไทย และอดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงการประเมินม็อบโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ม็อบดับเครื่องชน/ สุวินัย ภรณวลัย
////
#สถานการณ์พัฒนาไปเร็วมากแค่ชั่วข้ามคืนเท่านั้นเอง
สิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของผม ถือว่าเรามาแลกเปลี่ยนกันนะครับ
(1) นับจากวันนี้เป็นต้นไป … สถานการณ์ของม็อบจะถูกยกระดับขึ้น รอเวลาแค่นับถอยหลังสู่การเผชิญหน้ากับรัฐบาลและอำนาจรัฐอย่างเต็มตัวเท่านั้น
เพราะม็อบนี้ยื่นคำขาด ภายใน 3 วันนายกฯต้องลาออก
ถ้านายกฯลาออก ก็จะยื่นคำขาดต่อว่าต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่
จากนั้นยื่นคำขาดอีกว่าต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ต่อทันที
นี่คือ #พลวัตของม็อบคณะราษฏร63ที่ได้กลายร่างเป็นม็อบดับเครื่องชน หรือม็อบระเบิดพลีชีพไปเรียบร้อยแล้ว
(2) #ถ้านึกภาพไม่ออกขอให้นึกภาพม็อบคนเสื้อแดงปี2552-2553 ที่เป็น “ม็อบดับเครื่องชน” ไม่ใช่ม็อบปักหลักพักค้างที่ราชประสงค์เหมือนปี 52-53 น่าจะใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด … โดยผมมองว่า #ม็อบดับเครื่องชนนี้น่าจะมีหลักหมื่นต้นๆ คือมากกว่าจำนวนม็อบอนุเสวรีย์ชัยที่ยกขบวนตอนกลางคืนไปที่ทำเนียบรัฐบาล
(3) ต่อไปรูปแบบหลักของม็อบดับเครื่องชนน่าจะยกขบวนไปตอนกลางคืนโดยมีเป้าหมายไปที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นหลัก ตามที่ได้ขีดเส้นตายกับรัฐบาลในเย็นวันอาทิตย์นี้ไว้แล้ว
(4) แฟลชม็อบหรือม็อบมุ้งมิ้งที่นัดชุมนุมตามเส้นทางสถานีรถไฟฟ้าคงยังมีอยู่อีก แต่จะไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่กำหนดสถานการณ์อีกต่อไปแล้ว … สั้นๆ การชุมนุมแบบจัดอีเวนต์มันจบแล้ว
(5) ยุทธการ”ดับเครื่องชน” ดุจม็อบระเบิดพลีชีพนี้ถือว่าเป็น #ยุทธการที่มีอานุภาพสูงสุดของม็อบแล้ว และเป็นโจทย์ที่น่าหนักใจยิ่งสำหรับรัฐบาล
ที่บอกว่าน่าหนักใจเพราะจุดจบของม็อบดับเครื่องชนนี้คือการถูกสลายม็อบอย่างเดียวไม่ช้าก็เร็ว แต่รัฐบาลจะสลายม็อบอย่างไรให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด (นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงมองว่าม็อบต่อจากวันนี้คือม็อบเสื้อแดงปี 52-53ที่ดับเครื่องชนดุจม็อบระเบิดพลีชีพ) แม้ทางการจะเป็นฝ่ายตั้งรับม็อบดับเครื่องชนในศึกสุดท้ายนี้ แต่ทางการจะใช้ยุทธการโอบล้อมม็อบทุกด้านตามหลักปฏิบัติสากล งานนี้รถฉีดน้ำน่าจะเป็นอาวุธสำคัญของฝ่ายรัฐบาล
(6) #ประชาชนทั่วไปและทุกฝ่ายควรอยู่ในที่ตั้ง อย่างมากก็คือไปเข้าร่วมงานชุมนุมแบบจัดอีเวนต์เชิงสัญลักษณ์เท่านั้น ปล่อยให้มืออาชีพฝ่ายรัฐจัดการกับม็อบดับเครื่องชนนี้เถิด
(7) #รัฐบาลยังมีความชอบธรรมโดยสมบูรณ์ เต็ม 100% นี่คือความได้เปรียบขั้นสูงสุดของฝ่ายรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่ชูข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันเป็นเป้าหมายสุดท้าย จะสู้แบบระดมสรรพกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อดับเครื่องชนแบบระเบิดพลีชีพ ดุจสงครามครั้งสุดท้ายของพวกเขาอย่างแน่นอน
โดยส่วนตัว ผมขอฟันธงว่า #มันจะจบเร็วไม่ยืดเยื้อเป็นเดือนแบบโมเดลม็อบฮ่องกงแน่นอน และสถานการณ์ม็อบชนม็อบก็จะไม่เกิดขึ้นด้วยเพราะมันเลยจุดนั้นไปแล้ว
ม็อบดับเครื่องชน/ สุวินัย…
Posted by Suvinai Pornavalai on Wednesday, October 21, 2020