เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2563 นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ได้พูดในรายการ สนธิญาณ ชัด ครบ จบ จริง ของสถาบันทิศทางไทยว่า
ในวันที่ 14 ตุลาคม ถือว่าเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ของคนไทย แต่ได้ถูกนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และบรรดาพวกชังชาติทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นผู้นำม็อบบ้าๆบอๆ และบรรดาอาจารย์ อีแอบทั้งหลาย เอาเหตุการณ์ 14 ตุลา มาบิดเบือน เพื่อรับใช้การเคลื่อนไหว โค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด โดยใช้ข้ออ้างว่าจะต้องปฏิรูปสถาบัน ซึ่งทางด้านนายอานนท์ นำภา ได้ประกาศว่า จะยกเลิกระบบกษัตริย์แบบเดิมที่ซ่อนอำนาจไปทุกอนูของการเมือง สร้างระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอย่างแท้จริง และถ้าสังคมยังคงมีมติให้มีสถาบันกษัตริย์ ก็ต้องให้สถาบันกษัตริย์อยู่ใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ นายสนธิญาณ ได้กล่าวว่า และถ้าสังคมยังคงมีมติให้มีสถาบันกษัตริย์ ก็ต้องให้สถาบันกษัตริย์อยู่ใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน มติที่นายอานนท์ว่า เป็นของใคร เป็นมติของตี๋ทอน ผู้นำม็อบ อีแอบ หรือเป็นขอคนเพียงหยิบมือเดียว หรือเป้นของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ นี่คือความเลวร้ายของคนพวกนี้ ก่อนอื่นเราจะต้องเข้าใจเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 14 ตุลา ให้ชัดเจนก่อนว่า การเคลื่อนไหวของนิสิต นักศึกษาและประชาชน เมื่อครั้งต่อสู้กับเผด็จการทหาร ในยุคจอมพลถนอม กิตติขจรและจอมพลประภาส จารุเสถียร ที่ได้ทำการปฏิวัติสืบทอดอำนาจจาก จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มาอย่างยาวนาน เมื่อเริ่มต้นเดินขบวน ภายในริ้วขบวนจะประกอบไปด้วย พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 พระบรมฉายาลักษณ์เหล่านี้บรรดานิสิต นักศึกษาได้อัญเชิญมาเพื่อให้พระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ 9 คุ้มครองผู้ร่วมขบวน
นั่นคือการเริ่มต้นในการเดินขบวนของนิสิต นักศึกษา และประชาชน ในยุค 14 ตุลา และเมื่อเหตุการณ์จะจบลง ก็เพราะพระบารมีที่คุ้มครองนิสิต นักศึกษา ประชาชนจึงทำให้สถานการณ์พลิกผันให้นิสิตนักศึกษา ชนะอย่างใสสะอาด เพราะการครองอำนรุนแรงที่เกิดขึ้นาจอย่างยาวนานของจอมพลถนอมและจอมพลประภาส ทำให้กองทัพไม่สามารถเติบโตได้ จึงเกิดมือที่สามที่เข้ามาทำให้เกิดอุบัติเหตุกับนักศึกษา ประชาชนที่กำลังจะทยอยกันกลับบ้าน หลังจากที่จอมพลถนอมและจอมพลประภาส ประกาสลาออก แต่อุบัติเหตุในครั้งนั้นเกิดจากใครไม่สามารถทราบได้ แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะกำจัดอำนาจของจอมพลถนอมและจอมพลประภาสให้สิ้นซาก
อุบัติเหตุในครั้งนั้น ได้เอาชีวิตของนักศึกษาและประชาชนเป็นเครื่องมือ ความชุลมุนของกลุ่มทหารและตำรวจทำให้นิสิต นักศึกษาและประชาชน ได้หนีร้อนมาพึ่งเย็นในพระราชวังสวนจิตรลดา ดังภาพประวัติศาสตร์ที่ปรากฎในหลวงรัชกาลที่ 9 สมเด็จพระนางเจ้าฯ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ออกมาดูแลประชาชน ซึ่งสถนการณ์ในวันนั้น สามารถสรุปได้ว่า ชัยชนะของนิสิต นักศึกษาและประชาชน เกิดขึ้นเพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ ยืนอยู่อยู่เคียงข้างประชาชน หากย้อนไปเหตุการณ์พฤษภาทมิฬที่พลเอก สุจินดา ต้องถอย ทำให้ฝ่ายประชานพลิกเป็นฝ่ายชนะ ก็เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ลงมายุติสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นและกำลังทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ด้วยความที่พลเอกสุจินดา เป็นทหาร จึงเอาความจงรักภักดีเป็นที่ตั้ง จึงยอมก้มกราบพระบาท ตามพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สถานการณ์จึงยุติลง
แต่สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ตี๋ทอน หรืออีแอบ ผู้บงการม็อบที่โจมตีสถาบันมาโดยตลอด ตั้งแต่เปิดประเด็นจะเข้ามาเล่นการเมือง คนเหล่านี้ไม่รู้และไม่เคยศึกษาสถานการณ์เหล่านี้ หรืออาจจะศึกษาแต่ต้องการบิดเบือน สิ่งที่พวกนี้กำลังทำ ก็คือการทำลาย ทำร้ายสถาบัน โดยไม่ได้คิดทบทวนว่า ถ้าประเทศไทยไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ในปีพ.ศ. 2518 เวียดนาม ลาว กัมพูชา แตกพ่ายให้กับคอมมิวนิสต์ทั้งหมด ใครๆก็บอกว่า ประเทศไทยจะต้องแตกให้คอมมิวนิสต์ตามทฤษฎีโดมิโน แต่ด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ผนึกแน่นเข้าด้วยกันกับหัวใจของคนไทย จึงทำให้เรารอดพ้นวิกฤตมาได้ และการรอดพ้นวิกฤตในครั้งนั้น จึงทำให้ตระกูลแซ่จึง ซึ่งอพยพหนีตายจากเมืองจีน ได้เข้ามาอาศัยพึ่งพระบรมโพธิสมภาร พึ่งพาอาศัยทำมาหากินอยู่ในแผ่นดินจนร่ำรวยเป็นเศรษฐีให้ธนาธรเอาเงินมาเนรคุณต่อสถาบันจนถึงทุกวันนี้ คำถามง่ายๆของตี๋ทอน ถ้าวันนั้นแผ่นดินไทยตกเป็นของคอมมิวนิสต์ อยากถามว่า ตระกูลแซ่จึง ที่หนีออกมาจากแผ่นดินเกิดของตัวเองมาแล้ว จะหนีออกจากแผ่นดินที่มาพึ่งพาอาศัยหรือไม่ ซึ่งไม่มีใครตอบได้เพราะยังไม่เกิดขึ้น ที่ไม่เกิดขึ้นก็เป็นเพราะพระบารมีของสถาบันพระมหากษัตริย์
ซึ่งในวันนี้ 14 ตุลาคม 2563 ที่คนไทยผู้จงรักภักดี จะต้องออกมาแสดงให้โลกได้เห็นเป็นประจักษ์ว่า มีคนไทยเพียงแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น ที่บ้าเต้นตามตี๋ทอนและผู้นำนักศึกษาบ้าๆบอๆ แต่คนไทยส่วนใหญ่ทั้งประเทศนั้น มีความจงรักภักดีและเราจะไปร่วมกันถวายความจงรักภักดี ไปรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปวัดพระแก้ว ให้มืดฟ้ามัวดิน ให้โลกเห็นถึงความจงรักภักดีของคนไทย ในความสามัคคีของคนไทย ในหัวใจของคนไทยว่า เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์กลางที่รวมใจคนไทย