จากที่วันนี้(5ต.ค.63) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์บทความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุเนื้อหาทั้งหมดว่า
โดยส่วนตัว ผมไม่คิดว่าวิกฤตไวรัสโควิด และการล่มสลายทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่จะตามมา จะสามารถเปลี่ยน Megatrend ว่าด้วยสามวาระใหม่แห่งอนาคต ที่นำเสนอในหนังสือ Homo Deus (2016) ได้
วิกฤตไวรัสโควิดที่เกิดขึ้นมีแต่จะไปเร่งกระบวนการบรรลุสามวาระใหม่แห่งอนาคตนี้ให้เร็วยิ่งขึ้นเท่านั้นผ่านสงครามใหญ่และการ Reset ระบบโลกใหม่
วาระลดอำนาจรัฐคงมิใช่วาระหลักแห่งอนาคต เพราะในบริบทใหม่ที่ “ประชาชน” กว่าครึ่งจะกลายเป็น “ชนชั้นไร้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ” ตามกลไกตลาดในยุค Dataism … การทำให้รัฐมีวิธีคิดที่ยืดหยุ่นได้ต่างหาก คือทางรอดของประเทศนั้นโดยรวม
ในอดีต วาระสูงสุดของมนุษยชาติ คือ การเอาชนะความอดอยาก เอาชนะโรคระบาด และเอาชนะความรุนแรง (จากสงครามต่างๆ)
ปัจจุบัน ถือได้ว่ามนุษยชาติได้เอาชนะ 3 อุปสรรค (ความอดอยาก โรคระบาด และความรุนแรงจากสงคราม) ได้แล้วโดยพื้นฐาน
เพราะในปัจจุบัน คนตายจากโรคอ้วนมากกว่าตายจากความหิวโหย คนแก่ตายมากกว่าเป็นโรคติดเชื้อตาย อีกทั้งคนยังเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายและอุบัติเหตุรถยนต์มากกว่าถูกฆ่าตายในสงครามหรือถูกฆาตกรรม
ด้วยเหตุนี้ วาระสูงสุดอันใหม่ของมนุษยชาติที่จะเข้ามาแทนที่วาระเก่าในอดีตจึงได้แก่
(1) #วาระการเอาชนะความแก่ชราและความตายด้วยการปฏิวัติเทคโนโลยีชีวภาพ
เพราะมองว่าความตายและความแก่ชราเป็นแค่ปัญหาทางเทคนิคที่แก้ไขได้ไม่ช้าก็เร็ว
ต่อไปคนจะไม่สนใจปัญหาความไม่เท่าเทียมอีกแล้ว แต่จะหันมาหมกมุ่งเรื่องความเป็นอมตะ ไม่แก่ไม่ตายแทน ซึ่งเป้าหมายเฉพาะหน้าคือการยืดอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ให้ถึง 120-150 ปี
สุดท้ายคือการมุ่งไปสู่การมี “ชีวิตที่ไม่มีวันหมดอายุ” โดยพึ่งพา วิศวกรรมชีวภาพ (biological engineering), วิศวกรรมไซบอร์ก (cyborg engineering) และวิศวกรรมสิ่งมีชีวิตอนินทรีย์ (engineering of non-organic beings) เป็นหลัก
(2) #วาระการเข้าถึงความสุขความเพลิดเพลินตลอดไปด้วยการควบคุมสภาวะทางชีวเคมีในร่างกายของคนเรา
เพราะเชื่อว่าความสุขคือความพอใจ ซึ่งหลักคิดแบบวัตถุนิยมเชื่อว่าสามารถเข้าถึงความสุขหรือความพึงพอใจอย่างยั่งยืนได้โดยผ่านการปรับเปลี่ยนชีวเคมีของคนเราด้วย”ยาวิเศษ” กับทำวิศวกรรมร่างกายและจิตใจของคนเราขึ้นมาใหม่
เหมือนอย่างที่ในอดีต การสูบกัญชาทำให้รู้สึกสุขสงบชั่วคราว เสพโคเคนและยาบ้าทำให้คึกคักชั่วครู่ ยาอีทำให้เคลิบเคลิ้ม ยาแอลเอสดีทำให้หลอน เป็นต้น
(3) #วาระการอัปเกรดโฮโมเซเปียนส์ให้เป็นโฮโมดีอุส(มนุษย์เทพ)หรืออภิมนุษย์ โดยผ่าน วิศวกรรมจิตใจมนุษย์กับเทคโนโลยีชีวภาพ
มนุษย์เซเปียนส์สัมพันธ์กับสัตว์อื่นๆอย่างไร ต่อไปมนุษย์ดีอุสก็จะปฏิบัติต่อเซเปียนส์อย่างนั้นเช่นกัน
การผลักดันสามวาระใหม่ของมนุษยชาติได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างช้าๆ และไม่น่ามีใครสามารถยับยั้งทิศทางของสามวาระใหม่นี้ได้ เพราะ สามวาระใหม่นี้จะเป็นกลไกผลักดันเศรษฐกิจอนาคตให้ขับเคลื่อนต่อจากนี้ การหยุดยั้งสามวาระใหม่นี้ จะนำไปสู่การพังทลายของเศรษฐกิจและสังคมของชาวโลกไปพร้อมๆกัน
มันชัดเจนเหลือเกินว่า แรงผลักดันเศรษฐกิจและสังคมแบบทุนนิยมคือตัณหาหรือความทะยานอยาก(欲望)
ในช่วงสามร้อยปีที่ผ่านมา พร้อมๆกับความสำเร็จในการทำให้สมัยใหม่ (modernization) ที่รุดหน้าอย่างก้าวกระโดดจนสามารถแก้ปัญหาความอดอยาก โรคระบาด และความรุนแรงจากสงครามที่เคยเป็นตัวการใหญ่ที่ทำให้ประชากรของสังคมในอดีตก่อนยุคสมัยใหม่ตายไปคราวละ 25-50% ของจำนวนประชากรทั้งหมด… ลุล่วงไปอย่างได้ผล
อุตสาหกรรมการเกษตร, อุตสาหกรรมยา/การแพทย์ และอุตสาหกรรมอาวุธสงคราม
คือสามอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุนนิยมให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วยอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่โลกทัศน์แบบวัตถุนิยม บูชาเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เชิงประจักษ์จะครองโลกและครอบงำความคิดของผู้มีอำนาจในระบบทุนนิยม รวมทั้งมวลชนซึ่งเสพบริโภคสินค้าและบริการที่ระบบทุนนิยมป้อนให้
ในยุคปัจจุบันซึ่งเป็นยุคเปลี่ยนผ่านอำนาจจากมนุษย์ไปสู่ปัญญาประดิษฐ์เพื่อเข้าสู่ยุคDataism (ยุคเดต้านิยม)เต็มรูปแบบที่จะมาแทนที่ยุคทุนนิยม
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่โครงการ Homo Deus จะถือกำเนิดขี้นมาเพื่อผลักดันสามวาระใหม่ของมนุษย์ชาติหลังจากนี้ นั่นคือ
(1) โครงการชะลอแก่ชะลอตายด้วยการปฏิวัติเทคโนโลยีชีวภาพ
เพื่อยืดอายุขัยมนุษย์ถึง 150-500 ปีโดยไม่แก่
(2) โครงการให้ความสุขทางชีวเคมีแก่มนุษย์ทั่วโลก
โดยเริ่มจากการให้ทานยาแก้โรคซึมเศร้าและโรคทางจิตเวชและจิตเภทอื่นๆ ต่อไปคงมุ่งพัฒนายาที่กินแล้วมีความสุขหรือความพึงพอใจ
(3) โครงการอัปเกรดความสามารถมนุษย์จนมีความสามารถดุจเทพเจ้าในตำนาน
เริ่มจากอัปเกรดความงามผ่านธุรกิจศัลยกรรมเพื่อความงาม ต่อไปจะพัฒนาธุรกิจตัดต่อพันธุกรรมตามหลักสุพันธุศาสตร์ (優生学 eugenics) รวมทั้งธุรกิจที่เชื่อมประสาทสมองมนุษย์เข้ากับปัญญาประดิษฐ์
นี่คือตัณหามนุษย์ปุถุชนที่อยากหนีทุกข์ที่เกิดจากการแก่การเจ็บป่วยและการตายด้วยวิธีการแบบวัตถุนิยมสุดโต่ง แล้วใช้”อภิตัณหา” นี้ผลักดันกลไกทางเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อเนื่องไม่มีวันสิ้นสุดนั่นเอง
แต่ลึกๆแล้วคนที่ต้องการไม่แก่ไม่ตายจริงๆคือคนแบบจิ๋นซีฮ่องเต้ในอดีตที่มีอำนาจอยู่ในมือนั่นเอง ถ้าเป็นสมัยนี้คือคนกลุ่มน้อยที่มีอำนาจเงินหรืออำนาจชื่อเสียงหรืออำนาจทางการเมืองอยู่ในมือ
การเอาชนะอภิตัณหาด้วยแนวทางแบบวัตถุนิยมนี้ไม่มีทางชนะได้อย่างแท้จริงหรอก มีแต่จะนำนรกและหายนะมาสู่มนุษยชาติเท่านั้น ผ่านคำสาปเรื่องดีอุส