จากที่วันนี้(19ก.ย.63) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย และอดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงการชุมนุมของม็อบที่มีมวลชนเสื้อแดงเป็นส่วนใหญ่นั้น
โดยส่วนตัวผมมองว่า ม็อบนี้คือการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ว่าไม่เอาเจ้า เท่านั้น ได้แสดงออกและแสดงออกได้คือชัยชนะสำหรับพวกเขาแล้วในตัวของมันเอง
ปี 2549, 2551 คือ ม็อบพันธมิตรฯของคนเสื้อเหลือง
ปี 2552,2553 คือ ม็อบนปช.ของคนเสื้อแดง
ปี 2556-2557 คือ ม็อบกปปส.ของคนเสื้อหลากสี
ปี 2563 คือ ม็อบของ”คนปลดแอก” ที่เป็นทัพผสมระหว่างมวลชนเสื้อแดงกับมวลชนของอดีตพรรคอนาคตใหม่ โดยที่มวลชนเสื้อแดงเป็นกองกำลังหลัก
โปรดสังเกตว่า ม็อบแต่ละขั้วผลัดกันสำแดงพลังบนท้องถนนในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา โดยที่คราวนี้ถึงรอบของอีกขั้ว ซึ่งแสดงว่าสงครามเพื่อชิงอำนาจรัฐระหว่างสองขั้วมันยังไม่จบ ประชาชนทุกขั้วคือเบี้ยเหมือนเดิม เท่าที่เห็นตอนนี้คือ ม็อบนปช.คนเสื้อแดง 80 % ที่ฉาบหน้าและดันให้แกนนำเยาวชนปลดแอกออกตัวเป็นหัวหอกเท่านั้น
เมื่อสภาพความจริงของม็อบวันที่ 19 กันยายนที่บุกเข้าไปในธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์เป็นแบบนี้แล้ว … ย่อมมีผลกระทบทางการเมืองตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
ตอนนี้แค่รอดูว่าม็อบ”แดง-ส้ม”ครั้งนี้จะยังชูข้อเสนอ 10 ข้อ เพื่อจำกัดพระราชอำนาจของสถาบันกษัตริย์ด้วยแนวคิดปฏิกษัตริย์นิยม เป็นการสานต่อการชุมนุมวันที่ 10 สิงหาคม ที่ธรรมศาสตร์รังสิตอีกหรือไม่
โดยส่วนตัวผมมองว่า … #ม็อบนี้คือการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ว่าไม่เอาเจ้า เท่านั้น แสดงออกได้คือชัยชนะสำหรับพวกเขาในตัวของมันเอง
ที่มา : เฟซบุ๊ก Suvinai Pornavalai